ขั้นตอนการรับวัคซีน

เข้ารับวัคซีน Moderna


เบ็ดเสร็จในจุดเดียว

เรียน ผู้จองวัคซีนโมเดอน่า

เนื่องจากวัคซีนโมเดอร์นาจะหมดอายุ รพ.บางโพ ขอความกรุณาท่านทำการนัดหมายผ่านระบบ ภายในวันที่ 15 ก.ค. 65
? โดยท่านจะได้รับ SMS แจ้งหมายเลขที่ยังไม่ทำการจองวัคซีนจาก รพ.บางโพ โปรดทำการนัดหมายตามวันเวลา ดังต่อไปนี้
– วันที่ 17, 18, 19 ก.ค 65
วันละ 2 รอบ เวลา 7.30-10.30 และ 10.30-13.30 น.

– วันที่ 24, 25, 26  ก.ค 65
– วันที่ 1, 2, 3, 4, 5, 6  ส.ค 65
– วันที่ 20  ส.ค. 65
วันละ 1 รอบ เวลา 10.00-12.00 น.

* กรณีไม่แจ้งความประสงค์ภายในระยะเวลาที่กำหนด จะถึอว่าท่านสละสิทธิ์
* การมาไม่ตรงนัดอาจมีผลต่อการสูญเสียวัคซีนของท่าน

 

ขั้นตอนการรับบริการวัคซีน Moderna

  • สถานที่ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 6 อาคาร 2 (อาคารศูนย์การแพทย์)
  • เวลา 07.30-13.30 น. ตามวันและเวลาที่จองในระบบ
    รอบที่ 1 07.30-10:30 น.
    รอบที่ 2 10:30-13.30 น.
  • สิ่งที่ต้องนำมา บัตรประจำตัวประชาชน หรือ หนังสือเดินทาง (Passport) และใบเสร็จรับเงิน
  • ตรวจสอบสิทธิ์ (เอกสารที่ต้องนำมาแสดงเพื่อยืนยันการได้รับสิทธิ์)

    • บัตรประจำตัวประชาชน/หนังสือเดินทาง
    • ใบเสร็จรับเงิน

  • เข้ารับวัคซีนและสังเกตอาการ

วันเวลาการให้บริการ

ประกาศเรื่อง “ซิโนฟาร์ม” สำหรับประชาชน

ประกาศเรื่อง

"ซิโนฟาร์ม"

สำหรับประชาชน

2 เข็ม เพียง 1,999 บาท


เรียน ท่านผู้สนใจวัคซีน Sinopharm

รพ.ขอปิดระบบการจองวัคซีน(ระยะที่ 1) วันที่ 31 ส.ค.64 เวลา 14.30 น.
หากโรงพยาบาลได้รับจัดสรรวัคซีนเพิ่มเติม จะแจ้งให้ท่านทราบ
โปรดติดตามข้อมูลข่าวสารได้ทาง website และ Facebook ของรพ.

ขอขอบคุณที่ไว้วางใจ เลือกใช้บริการที่ รพ.บางโพ

วัคซีนทางเลือก “ซิโนฟาร์ม” สำหรับประชาชน

โรงพยาบาลบางโพให้บริการวัคซีน

"ซิโนฟาร์ม"

สำหรับประชาชน


โรงพยาบาลบางโพให้บริการ วัคซีนซิโนฟาร์ม "สำหรับประชาชน" ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด
ในราคา 1,999 บาท ต่อ สองเข็ม ฉีดห่างกัน 3 สัปดาห์

โรงพยาบาลบางโพให้บริการ วัคซีนซิโนฟาร์ม "สำหรับประชาชน" ผู้ที่ยังไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันโควิด ในราคา 1,999 บาท ต่อ สองเข็ม ฉีดห่างกัน 3 สัปดาห์ สนใจกรอกข้อมูล : ลงทะเบียน

โรงพยาบาลบางโพขึ้นทะเบียนเป็นสถานพยาบาลให้บริการฉีดวัคซีนทางเลือก
“ซิโนฟาร์ม” กับ ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์

บริษัท องค์กร หรือหน่วยงานใด มีความประสงค์ที่จะจองวัคซีนทางเลือก "ซิโนฟาร์ม" กับราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ และต้องการให้โรงพยาบาลบางโพ เป็นสถานพยาบาลสำหรับฉีดวัคซีน สามารถจองผ่านระบบออนไลน์ได้ที่ : https://vaccine.cra.ac.th/VaccineContent/content/home แล้วกดเลือก “โรงพยาบาลบางโพ”

สลายต้อกระจก ด้วยคลื่นความถี่สูง

สลายต้อกระจก ด้วยคลื่นความถี่สูง

สลายต้อกระจก PHACOEMULSIFICATION: 45,000.-


แผลผ่าตัดขนาดเล็กประมาณ 2.4 มม. ไม่ต้องเย็บแผล ทำให้ไม่ระคายเคือง ไม่ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาล
มองเห็นได้หลังเปิดตาทำโดยจักษุแพทย์ที่ชำนาญด้านนี้โดยเฉพาะ

สลายต้อกระจก ด้วยคลื่นเสียงความถี่สูง PHACOEMULSIFICATION

PHACOEMULSIFICATION

ต้อกระจก คือภาวะที่สายตาฝ้ามัวลง เนื่องจากเลนส์แก้วตา ซึ่งปกติมีลักษณะใส ทำหน้าที่รวมแสงให้ตกลงพอดีบนจอประสาทตาเกิดความขุ่นและไปบดบังแสง ทำให้ผู้ป่วยมองเห็นไม่ชัด การสลายต้อกระจกออกแล้วใส่เลนส์แก้วตาเทียมจึงจำเป็นเพื่อช่วยผู้ป่วยมองเห็นชัดเจนขึ้น

อาการของต้อกระจก

  • สายตามัวเหมือนมีฝ้าหรือหมอกมัว
  • เห็นภาพซ้อน สายตาพร่า สู้แสงไม่ได้
  • อ่านหนังสือไม่ชัด แม้จะใส่แว่นตาช่วย
  • หากทิ้งไว้นานไป อาจเกิดโรคต้อหินแทรกซ้อน ทำให้ปวดตา และตาบอดได้
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568
เงื่อนไขการเข้ารับบริการ
  • ราคาดังกล่าว รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
  • แพ็กเกจดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์และส่วนลดอื่น ๆได้
  • ผู้เข้ารับบริการชำระค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาล ในวันที่เข้ารับบริการ
  • โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

โปรแกรมและแพ็คเกจ

ขณะนี้ปิดรับจองวัคซีนทางเลือก COVID-19

ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจจองวัคซีนทางเลือกกับโรงพยาบาลบางโพ


โรงพยาบาลได้ปรับลดราคาวัคซีนเป็น 1,650 บาท ต่อเข็ม ดังนั้นโรงพยาบาล จะโอนเงินคืนท่าน จำนวน 250 บาท ต่อเข็ม

ขณะนี้ปิดรับจองวัคซีนทางเลือก COVID-19
ขอขอบพระคุณทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจจองวัคซีนทางเลือกกับโรงพยาบาลบางโพ
โรงพยาบาลได้ปรับลดราคาวัคซีนเป็น 1,650 บาท ต่อเข็ม ดังนั้นโรงพยาบาล จะโอนเงินคืนท่าน จำนวน 250 บาท ต่อเข็ม

โรงพยาบาลบางโพเตรียมให้บริการวัคซีนทางเลือกป้องกัน COVID-19 วัคซีน Moderna คาดการณ์ว่าจะได้รับการนำเข้าประเทศไทยในช่วงเดือน ตุลาคม-ธันวาคม 2564 และในช่วงมกราคม - มีนาคม 2565 ตามข่าว (วัคซีนสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป) จึงใคร่ขอให้ท่านยืนยันความต้องการเพื่อ โรงพยาบาลจะสั่งวัคซีน โดยมีค่าบริการ ในราคา 1 เข็ม 1,650 บาท และ 2 เข็ม 3,300 บาท ฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์ (รพ.ขอสงวนสิทธิ์สำหรับผู้จองที่ชำระค่าวัคซีนแล้วเท่านั้น กรณีจำนวนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ยินดีชำระเงินคืนเต็มจำนวน)

  • รัฐบาลได้จัดสรรวัคซีนโควิด 19 ให้กับประชาชนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
  • ส่วนการจองวัคซีนโควิด 19 ของสถานพยาบาลเอกชนเป็นทางเลือกหนึ่งที่ประชาชนสามารถเลือกรับบริการได้ แต่ต้องชำระค่าใช้จ่ายเอง
ราคา 1 เข็ม 1,650.-
ราคา 2 เข็ม 3,300.-
หมายเหตุ :
  1. กรณีวัคซีนมาถึง โรงพยาบาลจะทำการนัดหมาย วัน เวลา ให้ท่านทราบล่วงหน้า
  2. เนื่องจากโรงพยาบาล มิได้เป็นผู้จัดหาวัคซีนโดยตรง กรณีที่โรงพยาบาลได้รับจัดสรรวัคซีนไม่เพียงพอต่อจำนวนสั่งจองหรือล่าช้ากว่ากำหนด โรงพยาบาลเสนอให้ท่านเลือกดังต่อไปนี้
    1. ขอรับเงินคืนเต็มจำนวน
    2. รอวัคซีนที่โรงพยาบาลจะได้รับจัดสรร Lot ต่อไป ซึ่งหากเกิดกรณีดังกล่าว โรงพยาบาลจะติดต่อท่านที่ไม่ได้รับวัคซีนที่สั่งจองต่อไป
  3. กรณีที่โรงพยาบาลได้จัดเตรียมวัคซีนให้ท่านแล้ว แต่ท่านแจ้งยกเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใด โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ที่จะไม่คืนเงิน โดยท่านสามารถเปลี่ยนสิทธิ์การฉีดวัคซีนให้ผู้อื่นได้ โดยแจ้งให้โรงพยาบาลทราบล่วงหน้า อย่างน้อย 1 วัน

เงื่อนไข :
  1. ฉีดได้ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือรับประทานยา และมีความกังวลควรปรึกษาแพทย์
  2. กรณีมีปัญหาในการสั่งจองวัคซีน และไม่สามารถฉีดวัคซีนให้ท่านได้ โรงพยาบาลยินดีคืนเงินให้เต็มจำนวน
  3. สามารถเปลี่ยนผู้ฉีดได้ กรณีที่ผู้ซื้อไม่สามารถฉีดได้
  4. ราคานี้รวมค่าวัคซีน ค่าอุปกรณ์ทางการแพทย์ และค่าบริการ โรงพยาบาลในวันฉีดวัคซีนเท่านั้น
  5. ค่าบริการข้างต้นไม่รวมค่าใบรับรองแพทย์และค่าบริการอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการบริการฉีดวัคซีน เช่น ตรวจสุขภาพ หรือพบแพทย์รักษาอาการเจ็บป่วยอื่นๆ
  6. ไม่สามารถเปลี่ยนแปลง หรือใช้ร่วมกับรายการส่งเสริมการขายอื่น ๆ ได้
  7. ราคาดังกล่าวขอสงวนสิทธิ์สำหรับชาวไทย และชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่ในประเทศไทยเท่านั้น
  8. โรงพยาบาลสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงข้อกำหนด เงื่อนไขการให้บริการ และราคา โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

Q&A วัคซีนทางเลือก Moderna

เตรียมตัวอย่างไร ก่อนฉีดวัคซีนโควิด – 19

เตรียมตัวอย่างไรก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19


เตรียมตัวอย่างไร ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19

  1. ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมียาประจำที่ต้องรับประทานทุกวัน ควรปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อน
  2. ก่อนฉีดวัคซีนโควิด 2 วัน ควรงดการออกกำลังกายหนักๆ และพักผ่อนให้เพียงพอ
  3. หากมีอาการป่วย มีไข้ ไม่สบาย ให้เลื่อนการฉีดวัคซีนออกไปก่อน ประมาณ 1-2 สัปดาห์ หรือจนกว่าจะหายดี
  4. ก่อนฉีดวัคซีนควรดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ และงดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ น้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  5. รับประทานอาหาร และยารักษาโรคประจำตัวให้เรียบร้อย ก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน
    ผู้ที่มีโรคประจำตัว ดังนี้
    • โรคเบาหวาน
    • ความดันโลหิตสูง
    • หัวใจ
    • อัมพฤกษ์ และอัมพาต
    ไม่ควรหยุดยา เพื่อฉีดวัคซีน ยกเว้นกรณีที่แพทย์แนะนำให้หยุดยาชั่วคราว เพื่อให้ผลลัพธ์ของวัคซีนมีความแม่นยำ
  6. การฉีดวัคซีนป้องกันโควิดควรห่างกับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ อย่างน้อย 1 เดือน แนะนำให้ฉีดวัคซีนโควิดให้ครบโดสก่อน
  7. ผู้ที่เป็นโรคเลือดออกได้ง่าย ควรแจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ทราบก่อนเข้ารับการฉีดวัคซีน เพราะอาจต้องใช้เวลากดแผลบริเวณที่ฉีดนานขึ้น
  8. ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว หากมีอาการของโรคกำเริบ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการฉีดวัคซีนหรือไม่ก็ตาม ให้รีบปรึกษาแพทย์ผู้รักษาก่อน
ฉีดวัคซีน COVID-19
  • กรุณานำบัตรประชาชนมา ณ สถานที่ให้บริการ
  • สวมเสื้อแขนสั้น สวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ล้างมือบ่อยๆ รักษาระยะห่าง
จุดให้บริการฉีดวัคซีน : ชั้น 2 โซนใหม่ ติดกับแผนกศัลยกรรม โรงพยาบาลบางโพ โปรดมาในช่วงเวลานัด เพื่อลดความแออัด ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ
จุดรับส่ง (drop-off) : จุดส่งผู้มาฉีดวัคซีนโควิดใกล้ที่สุด คือ ทางขึ้นชั้น 2 อาคาร 1 หน้าแผนกฉุกเฉิน
ที่จอดรถ : จอดรถที่อาคารจอดรถของโรงพยาบาล และอาคารจอดรถ เกตเวย์ แอท บางซื่อ ชั้น 1C, 2C โดยแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนครั้งต่อไป ที่จุดประชาสัมพันธ์

ขั้นตอนการเข้ารับบริการ

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนป้องกันโควิด-19

คำแนะนำในการฉีด
“วัคซีนไข้หวัดใหญ่”
ร่วมกับ
“วัคซีนป้องกันโควิด-19”


ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงสามารถเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ได้ทั้ง ก่อน ระหว่าง หรือหลัง การฉีดวัคซีน โควิด-19 (COVID-19) ได้โดยการเว้นระยะการฉีดวัคซีนดังนี้

การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนป้องกันโควิด-19
ตามที่กระทรวงสาธารณสุข กรมควบคุมโรค และ สปสช. แนะนำให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล เพื่อลดการป่วยรุนแรงและสร้างภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ ในช่วงต้นฤดูฝน เนื่องจากเป็นฤดูกาลระบาดในประเทศไทยซึ่งมี 2 ช่วง คือ ช่วงปลายฝน (เดือนกรกฎาคม-กันยายน) และปลายหนาว (เดือนมกราคม-มีนาคม) นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ก่อนที่ จะติดเชื้อโควิด-19 ยังช่วยลดการนอนโรงพยาบาล หรือเข้ารักษาในโรงพยาบาลสั้นกว่าคนที่ไม่เคยฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่มาก่อนการติดเชื้อโควิด-19
ในสถานการณ์ปัจจุบัน เกิดโรคระบาดอีกชนิดหนึ่ง คือ โควิด-19 และวัคซีนป้องกันโรคโควิดได้พัฒนาจนสามารถฉีดได้แล้ว แต่อย่างไรก็ตามการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีความสำคัญ เพื่อแยกอาการป่วยระหว่างไข้หวัดใหญ่และโควิด-19 ซึ่งเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ที่มีอาการคล้ายกันมาก เช่น ไข้สูง ไอ น้ำมูก เจ็บคอ ถ่ายเหลว (ยกเว้นจมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรสที่จำเพาะกับโควิด-19 มากกว่า) และมีความรุนแรงเหมือนกัน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงต่ออาการรุนแรง ได้แก่ กลุ่มเสี่ยง ดังนี้
7 กลุ่มเสี่ยงได้แก่
  1. หญิงมีครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป
  2. ผู้มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง เบาหวาน ผู้ป่วยมะเร็ง ที่อยู่ในระหว่างการได้รับยา เคมีบำบัด
  3. ผู้สูงอายุที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
  4. เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี
  5. ผู้พิการทางสมอง ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้
  6. โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ
  7. ผู้ที่มีน้ำหนัก ตั้งแต่ 100 กก. หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กก./ตรม.
การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ร่วมกับวัคซีนป้องกันโควิด-19
สามารถทำได้ทั้ง ก่อน ระหว่าง หรือหลัง การฉีดวัคซีน โควิด-19 (COVID-19) ได้โดยการเว้นระยะการฉีดวัคซีนดังนี้
ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ก่อน ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด - 19
ผู้ที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 สามารถฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อนฉีดวัคซีนโควิด-19 ได้ โดยให้เว้นระยะห่างอย่างน้อย 1 เดือน จึงค่อยฉีดวัคซีนโควิด-19

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หลัง วัคซีนป้องกันโควิด-19 ซิโนแวค (Sinovac)
ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค (Sinovac) เข็มที่ 1 แล้ว ให้ฉีดจนครบทั้ง 2 เข็มก่อนโดยระยะการฉีดห่างกัน 2-4 สัปดาห์ จึงรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลได้ โดยให้ห่างจากวัคซีนเข็มที่ 2 อย่างน้อย 1 เดือน

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ระหว่าง วัคซีนป้องกันโควิด-19 แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เข็มที่ 1 และอยู่ระหว่างรอกำหนดฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 สามารถรับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ โดยให้ห่างจากวัคซีนเข็มที่ 1 อย่างน้อย 1 เดือน และหลังจากนั้นให้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 ตามกำหนดนัด โดยให้มีระยะห่างจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่อย่างน้อย 1 เดือน
วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา (AstraZeneca) เข็มที่ 2 จะมีกำหนดฉีดหลังจากฉีดเข็มที่แรก 10 - 12 สัปดาห์

ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ หลัง วัคซีนป้องกันโควิด-19 แอสตราเซเนกา (AstraZeneca)
ผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 แอสตราเซเนกา (AstraZeneca) ครบทั้ง 2 เข็มแล้ว โดยระยะการฉีดระหว่างเข็มที่ 1 และ 2 ห่างกันประมาณ 10-12 สัปดาห์ สามารถเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้หลังจากฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แล้วอย่างน้อย 1 เดือน

การบำบัดรักษาอาการทางเส้นประสาท ด้วยเครื่องกระตุ้นสนามแม่เหล็ก

การบำบัดรักษาอาการทางเส้นประสาท ด้วยเครื่องกระตุ้นสนามแม่เหล็ก

Peripheral Magnetic Stimulation
การบำบัดรักษาอาการทางเส้นประสาท ด้วยเครื่องกระตุ้นสนามแม่เหล็ก
Peripheral Magnetic Stimulation (PMS)
เทคโนโลยี PMS หรือ Peripheral Magnetic Stimulation คือ เครื่องกระตุ้นระบบประสาทด้วยการใช้คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ทางการแพทย์ที่เรียกว่า Electromagnetic เพื่อบำบัดรักษาอาการปวด เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อ โรคเอ็นอักเสบ โรคปวดข้อต่อ และอาการชาจากเส้นประสาทได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยคลื่นไฟฟ้าจะสามารถกระตุ้นทะลุผ่านเสื้อผ้าโดยไม่ต้องสัมผัสผิว ลงไปถึงเนื้อเยื่อและกระดูกได้ลึกประมาณ 10 ซม. คลื่นจาก PMS จะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ไปกระตุ้นที่เส้นประสาทโดยตรง ทำให้เกิดกระบวนการ Depolarization กระตุ้นเนื้อเยื่อบริเวณที่ปวดทำให้เกิดการไหลเวียนของโลหิตบริเวณกล้ามเนื้อดียิ่งขึ้น ไม่ทำให้เกิดการบาดเจ็บต่ออวัยวะโดยรอบ รู้สึกผ่อนคลายในขณะรักษา รวมถึงส่งสัญญาณคลื่นแม่เหล็กกระตุ้นแขน ขา บริเวณที่เคลื่อนไหวไม่ได้ ให้ส่งสัญญาณไปที่สมอง และให้สมองส่วนที่ยังทำงานได้มีการฟื้นตัว แล้วส่งสัญญาณกลับลงมาทำให้แขนขาขยับได้มากขึ้น ในส่วนของการบำบัดรักษาอาการเจ็บปวด การกระตุ้นเส้นประสาทจะทำให้เกิดการส่งสัญญาณที่ช่วยยับยั้งอาการปวดได้ สามารถรักษาได้ทั้งปวดเฉียบพลันและเรื้อรัง และยังเป็นการกระตุ้นให้มีการซ่อมเสริมของเนื้อเยื่อด้วย
กลุ่มโรคที่รักษาด้วยเครื่อง PMS
  1. กลุ่มอัมพฤกษ์ อัมพาต ซึ่งเกิดจากหลอดเลือดสมองตีบหรือแตก (Stroke), เกิดจากการบาดเจ็บในสมอง (Traumatic Brain Injury), เกิดจากการบาดเจ็บของไขสันหลัง (Spinal Cord Injury) หน้าเบี้ยวครึ่งซีก (Bell'spalsy) กลุ่มนี้จะเป็นลุ่มใหญ่ที่จะสามารถใช้เครื่องกระตุ้นแม่เหล็กมาบำบัดรักษาจะช่วย ลดอาการเกร็งในผู้ป่วย อัมพฤกษ์ อัมพาต ทำให้อาการฟื้นตัวของอาการอัมพฤกษ์ อัมพาตดีขึ้น
  2. กลุ่มโรคกระดูกสันหลัง หมอนรองกระดูกสันหลัง คือกลุ่มโรคที่เกี่ยวกับแนวไขสันหลังโดยตรง การเสื่อมของกระดูกสันหลัง และหมอนรองกระดูก หรือการเคลื่อนตัวของหมอนรองกระดูก ที่มีผลต่อเส้นประสาทจากไขสันหลังหรือการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง การรักษาด้วยคลื่นแม่เหล็กจะสามารถรักษากลุ่มปวดนี้ได้มีประสิทธิภาพดีกว่าเครื่องมืออื่น เนื่องจากการกระตุ้นด้วยแม่เหล็กจะสามารถกระตุ้นลึกลงไปจนถึงรากประสาทได้
  3. กลุ่มปวดต่าง ๆ หรือ ออฟฟิศซินโดรม การบำบัดอาการปวด อาการเคล็ดคัดยอก การบาดเจ็บหรืออาการปวดเรื้อรังจากกล้ามเนื้อ เอ็น พังผืดหรืออาจเกิดจากการบาดเจ็บของตัวเส้นประสาทโดยตรง เช่น อาการปวดบริเวณคอ บ่า ข้อศอก แขน มือ เอว หลัง สะโพก ขา เข่า หรือข้อเท้า และหากทำอย่างต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำจะทำให้อาการปวดค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปในที่สุด
  4. กลุ่มอาการชา หรือ ผู้ที่มีอาการชาจากปลายประสาทหรือการกดทับเส้นประสาท คือกลุ่มปลายประสาทอักเสบ โดยส่วนใหญ่พบได้ในกลุ่มผู้ป่วยเบาหวาน พบว่าอาการชามือ ชาเท้าจะดีขึ้น 50-100% ในแต่ละครั้งที่รักษา
  5. ช่วยบำบัดรักษาฟื้นฟูอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา นักกีฬาที่ได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม หรือระหว่างแข่งขัน
การบำบัดรักษา
  1. ลดปวด ลดอาการชา ได้เป็นอย่างดี หลังการรักษา
  2. สามารถเพิ่มกำลัง และกระตุ้นกล้ามเนื้ออ่อนแรงจากอัมพาต
  3. เร่งการฟื้นตัวของเส้นประสาทที่บาดเจ็บได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น บาดเจ็บเส้นประสาท มือตก เท้าตก แขนขาอ่อนแรง อาการที่เกิดจากกดทับรากประสาทที่คอ และเอวจากโรคหมอนรองกระดูกเคลื่อนหรือเสื่อม
  4. เร่งการฟื้นตัวจากเส้นประสาทที่มีพฤติกรรมผิดเพี้ยน เช่น อาการเหน็บชา ปวดแปร๊บหลังการบาดเจ็บเส้นประสาท อาการปวดเรื้อรังจากโรคทางกล้ามเนื้อกระดูกทุกชนิด
  5. เวลาการบำบัดรักษารักษาสั้นมาก ต่อ 1จุดการรักษา
  6. ถ้าบำบัดรักษาต่อเนื่อง สามารถลดจำนวนการรักษาได้
  7. สามารถบำบัดรักษาได้ผลในทุกระยะของการดำเนินโรค คือ ระยะเฉียบพลัน กึ่งเฉียบพลัน และเรื้อรัง
  8. กลไกการรักษาเป็นการกระตุ้นให้มีการซ่อมสร้างของเนื้อเยื่อ ไม่ใช่เพียงการแก้อาการเท่านั้น
ข้อควรระวัง/ข้อแนะนำหลังการรักษา
  1. กล้ามเนื้อมีโอกาสระบมหรือเป็นตะคริวได้ 2-3 วันหลังรับการรักษา
  2. มีโอกาสเกิดความร้อนได้หากไม่ระมัดระวัง โดยเฉพาะความร้อนที่เกิดกับตัวโลหะที่วางอยู่ภายนอกร่างกาย เช่น หัวเข็มขัด หัวคอยล์เหรียญที่อยู่บนกางเกงยีนส์ เป็นต้น

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรมลดปวดด้วย Shockwave

การรักษาอาการปวดด้วย […]

โปรแกรม Office Syndrome ออฟฟิศ ซินโดรม

เลือกโปรแกรมที่เหมาะ […]

แนะนำบริการห้องพัก โรงพยาบาลบางโพ

วิดีโอแนะนำบริการห้องพัก


โรงพยาบาลบางโพ เราใส่ใจในทุกขั้นตอน เพื่อให้ผู้ป่วยและญาติได้รับความปลอดภัย สะดวก สบาย ในการพักรักษาตัวในโรงพยาบาล จึงขอแนะนำสิ่งอำนวยความสะดวกและวิธีใช้อุปกรณ์ในห้องพัก สำหรับผู้ป่วยและญาติ เมื่อมาใช้บริการ

คัดกรองมะเร็งเต้านม

คัดกรองมะเร็งเต้านม

ภัยร้ายใกล้ตัว

มะเร็งเต้านม ภัยร้ายใกล้ตัว


รู้ก่อนรักษาก่อน ตรวจได้ตั้งแต่ยังไม่เป็น การตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะต้นๆ และได้รับการรักษาก่อนที่จะมีการลุกลามหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่น
การรักษาอย่างถูกต้องสามารถมีโอกาสหายขาดได้สูง

มะเร็งเต้านม ภัยร้ายใกล้ตัว

มะเร็งเต้านมปัจจุบันพบมากเป็นอันดับหนึ่งในสตีไทยการตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกๆ และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องสามารถมีโอกาสหายขาดได้สูง มะเร็งเต้านมอาจมีอาการได้หลายแบบแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน  ดังนั้นสตรีทั่วไปจึงควรหมั่นคอยสังเกตอาการและตรวจเต้านมตนเองเป็นประจำ เพื่อที่จะได้ตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะต้นๆ และได้รับการรักษาก่อนที่จะมีการลุกลามหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่นแล้วมักมีผลการรักษาที่ไม่ดี
ใครบ้างที่เสี่ยง

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะมารดาหรือพี่น้องร่วมอุทรณ์
  • ผู้ที่เคยรับประทานฮอร์โมนเสริมในวัยใกล้หรือหมดประจำเดือนแล้ว
  • ผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการคัดกรองมะเร็งเต้านม ทุก 1- 2 ปี ผู้มีประวัติเป็นซีสต์หรือเนื้องอกที่เต้านม
  • ผู้ที่มีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปีหรือประจำเดือนหมดช้าหลังอายุ 50 ปี
  • ผู้ที่มีบุตรหลังอายุ 30 ปี หรือไม่เคยมีบุตร
  • ผู้ที่ได้รับยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่มีประวัติการเป็นมะเร็งรังไข่
หากคุณเข้าเกณฑ์ดังกล่าวคุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านมในอนาคต ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และอัลตราซาวด์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
รายการ
ตรวจคัดกรองหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์
Digital Mammogram and Breast Ultrasound
2,990.-
ปกติ 3,730.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

การดูแล เด็กที่มีไข้และไข้ชัก

การดูแล เด็กที่มีไข้และไข้ชัก

ไข้ชักคืออะไร
โรคไข้ชัก (Febrile seizure หรือ Febrile convulsion) หมายถึง การชักที่พบกับไข้สูง เกิดในเด็กที่มีความผิดปกติทางระบบประสาท ความผิดปกติของ
เกลือแร่ในร่างกาย และไม่เคยมีประวัติชัก โดยไม่มีไข้ร่วมด้วยมาก่อน พบได้ในเด็กอายุตั้งแต่ 1 เดือนขึ้นไป ส่วนใหญ่พบในเด็กอายุ 6 เดือนถึง 5 ปี ในเด็กที่อายุมากกว่า 7 ปีแล้ว พบได้น้อยมาก
โดยส่วนใหญ่โรคไข้ชัก มักมีอาการชักแบบเกร็งกระตุกทั้งตัวภายใน 24 ชั่วโมงหลังมีไข้สูง ส่วนน้อยที่มีอาการชักก่อนการมีไข้ หรือหลังจากมีไข้แล้ว 24 ชั่วโมง การชักแต่ละครั้งมักเป็นอยู่ไม่กี่วินาที และชักเพียงครั้งเดียวในการเป็นไข้แต่ละครั้ง นอกจากนั้นหลังชักจะมีแขนขาอ่อนแรงตามมา
ใครมีความด้วยเป็นโรคไข้ชักบ้าง
  1. อายุที่พบบ่อย คือระหว่าง 6 เดือน – 5 ปี
  2. มีไข้สูง 38.5 ขึ้นไป (โดยเฉพาะใน 1-2 วันแรกของการมีไข้)
  3. มีประวัติไข้ชักในครอบครัว (ถ่ายทอดทางพันธุกรรม)
การรักษา
ภาวะไข้ชักส่วนใหญ่สามารถหยุดชักเองได้ และป้องกันไม่ให้ชักซ้ำโดยลดไข้ ถ้าการชักไม่หยุดเองใน 3-5 นาทีแพทย์จะพิจารณาให้ยาไดอะซีแปม (Diaizepam) เพื่อหยุดชักในเบื้องต้น โดยอาจใช้การฉีดหรือสวนทางทวารหนัก
ในระยะยาวเนื่องจากไม่พบความผิดปกติทางสมองจากไข้ชักจึงไม่จำเป็นต้องใช้ยากันชักในระยะยาว เว้นแต่เป็นผู้ป่วยที่ชักซ้ำหลายครั้งรวมถึงมีความผิดปกติทางสมอง แพทย์อาจพิจารณาให้ยากันชักช่วงที่มีไข้
อันตราย
  • โรคไข้ชักมีภาวะแทรกซ้อนน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่ควรระวังจะเป็นเรื่องการหายใจ การสำลัก และอุบัติเหตุ เช่น การตกเตียง ไม่พบการเสียชีวิตจากโรคไข้ชัก และไม่พบความพิการเกิดขึ้นจากโรคไข้ชัก
  • ถ้าเป็นไข้ชักไม่เกิน 15 นาที ไม่มีการชักซ้ำและไม่มีความผิดปกติทางระบบประสาทหลังชักพบว่า ไม่มีผลกับสมอง ระดับสติปัญญา พัฒนาการและพฤติกรรมในอนาคต
  • โอกาสเป็นโรคลมชักเท่าเด็กทั่วไป
  • ยกเว้น ถ้ามีไข้ชักหลายครั้ง ร่วมกับเป็นอายุ 12 เดือนและมีประวัติครอบครัวเป็นโรคลมชัก จะมีโอกาสเป็นโรคลมชักก่อนอายุ 25 ปี ควรพาผู้ป่วยไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของไข้และรับการรักษาเพื่อช่วยลดระยะเวลาของไข้
เกิดไข้ชักซ้ำได้หรือไม่
  • ไข้ชักครั้งแรกอายุน้อยกว่า 1 ปี มีโอกาสชักซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ได้ร้อยละ 50
  • ไข้ชักครั้งแรกอายุมากกว่า 1 ปี มีโอกาสชักซ้ำเป็นครั้งที่ 2 ได้ร้อยละ 30
  • ไข้ชักมาแล้ว 2 ครั้งมีโอกาสชักครั้งที่ 3 ร้อยละ 50
การป้องกันการชักซ้ำ
คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครอง สามารถป้องกันการเกิดไข้ชักได้โดยรีบลดอุณหภูมิร่างกายของเด็ก ซึ่งต้องทำลายวิธีร่วมกัน ดังนี้
  • ให้ยาลดไข้ (พาราเซตามอล) ให้ขนาดที่พอเหมาะกับน้ำหนักตัวเด็กทันทีที่ทราบว่าไข้ขึ้น และสามารถให้ซ้ำได้ทุก 4-6 ชม.
  • ให้เด็กดื่มน้ำบ่อยๆ
  • เช็ดตัวลดไข้อย่างถูกวิธี โดยใช้น้ำอุณหภูมิห้องหรือน้ำอุ่น
  • ควรระมัดระวังการให้ยาลดไข้สูง ในกลุ่มไอบูโพรเฟนหรือยาแอสไพริน ในกรณีที่สงสัยโรคไข้เลือดออกและไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
วิธีปฏิบัติเมื่อผู้ป่วยชัก
แม้จะรับประทานยาลดไข้และเช็ดตัว บางครั้งยังเกิดอาการชัก ถ้าเด็กมีอาการชัก เกร็ง หรือกระตุก ให้ปฏิบัติดังนี้
  • พ่อแม่และผู้ปกครองที่พบต้องตั้งสติ อย่าตกใจ
  • ขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น
  • ควรจับเด็กให้นอนตะแคงบนเตียงหรือพื้น เพื่อเปิดทางเดินหายใจป้องกันการสำลักและระมัดระวังไม่ให้ตกเตียง ไม่ต้องพยายามจับหรือกอดรัดเด็กให้หยุดชัก เพราะอาจทำให้เด็ก แขนหักหรือหัวไหล่หลุด
  • ถ้ามีลูกยางแดงให้ดูดน้ำลาย เสมหะออกจากปาก หลังจากทำให้ทางเดินหายใจโล่งแล้ว เอาปากประกบปากเด็กแล้วเป่าลมช่วยหายใจ
  • ถ้ามีเศษอาหารในปาก ให้ล้วงเศษอาหารออกจากช่องปากเพื่อป้องกันภาวะอุดตันในทางเดินหายใจ ระหว่างมีอาการชัก
  • หากเด็กกัดฟัน ไม่ควรพยายามเอาช้อน นิ้วมือของแข็งงัดปากเด็ก เพราะอาจทำให้เยื่อบุช่องปากฉีกขาด ฟันหักขากรรไกรหัก และอุดกั้นทางเดินหายใจ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ โอกาสที่เด็กจะกัดลิ้นตัวเองมีน้อย
  • เด็กมักหยุดชักได้เอง
  • เช็ดตัวลดไข้
  • ให้ยาลดไข้ทันที ที่รู้สึกตัว
  • รีบนำส่งโรงพยาบาล เพื่อให้แพทย์ตรวจหาสาเหตุ

โปรแกรมและแพ็คเกจ

ตรวจสุขภาพ

ตรวจสุขภาพ

ใคร ๆ ก็ตรวจได้

ตรวจ 4 รายการ : 999.-

รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล(พร้อมใบรับรองแพทย์)

ตรวจ 6 รายการ : 1,299.-

รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล(พร้อมใบรับรองแพทย์)


ใคร ๆ ก็ตรวจได้

ปัจจุบันการดำเนินชีวิตของคนในสังคม ต้องทำงานแข่งกับเวลาอย่างเร่งรีบ และอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีมลภาวะเป็นพิษ จึงมีพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อสุขภาพ เช่น การขาดการออกกำลังกาย การไม่ตระหนักในการรับประทานอาหาร รวมถึงมลภาวะทางจิตใจ ขาดความสมดุลของชีวิต ทำให้เกิดความเคยชิน จนกลายเป็นภัยคุกคามสุขภาพได้
การตรวจสุขภาพจึงมีความจำเป็น เพื่อสำรวจว่าระบบต่างๆ ในร่างกายเรามีความผิดปกติ หรือมีความบกพร่องที่อัวยวะใด เพื่อจะได้รักษา ป้องกัน หรือ ผ่อนหนักให้เป็นเบา หากมีการดูแลอย่างดี ตรวจสอบหาข้อบกพร่อง และแก้ไขแต่ระยะต้นๆ ร่างกายก็จะอยู่กับเราได้นานขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดี
รายการตรวจ
ตรวจ 4 รายการ
ตรวจ 6 รายการ
ตรวจร่างกายโดยแพทย์
(Physical Examination)
ตรวจเอกซเรย์ปอดดิจิตอล
(X-ray)
ตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะ
(Amphetamine)
ตรวจวัดสายตาทั่วไป/ตาบอดสี
ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด
(CBC)
ตรวจความสมบูรณ์ของปัสสาวะ
(UA)
ราคา
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล(พร้อมใบรับรองแพทย์)
999.-
1,299.-
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ