การติดเชื้อนิวโมคอคคัส (ปอดอักเสบ)

การติดเชื้อนิวโมคอคคัส

Pneumoccocal Disease
การติดเชื้อนิวโมคอคคัส
Pneumoccocal Disease
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัส (Streptococcus pneumoniae) ซึ่งสามารถพบได้ในโพรงจมูกและลำคอของคนทั่วไปแต่มักก่อโรคเมื่อร่างกายอ่อนแอหรือในรายที่ภูมิคุ้มกันร่างกายไม่แข็งแรง เช่น ในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่าง
เชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของเชื้อที่ทำให้เกิดปอดอักเสบชุมชน โดยผู้ที่มีปอดอักเสบจะมีอาการหอบ เหนื่อย หายใจลำบาก มีไข้สูง หนาวสั่นและไอมีเสมหะ ถ้ามีการติดเชื้อเข้ากระแสเลือดหรือมีการติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมองก็จะเรียกว่าเป็น Invasive Pneumoccocal Disease (IPD) ซึ่งจะยิ่งทวีความรุนแรงและเพิ่มอัตราการเสียชีวิตสูงถึง 20% และสูงขึ้นถึง 60% ในผู้สูงอายุ
เชื้อแบคทีเรียนิวโมคอคคัสไม่เพียงก่อโรคในผู้ที่สัมผัสเชื้อเท่านั้น แต่ยังสามารถแพร่กระจายจากคนสู่คนผ่านทางการไอ จาม หรือสัมผัสสารคัดหลั่งได้อีกด้วย
อาการ
วัคซีนป้องกันปอดอักเสบ
Pneumococcal Vaccine
ก่อนหน้านี้ในประเทศไทยจะนิยมการให้วัคซีนป้องกัน IPD ในผู้ใหญ่ เป็นการฉีดเข้ากล้าม 2 เข็ม คือ PCV13 เว้นระยะ 1 ปีแล้วฉีดกระตุ้นด้วย PPSV23
แต่ในปัจจุบันมีวัคซีนรุ่นใหม่คือ PCV20 ให้ด้วยการฉีดเข้ากล้ามเพียง 1 เข็ม ครอบคลุมเชื้อนิวโมคอคคัสชนิด 20 สายพันธุ์
  • 1
  • 3
  • 4
  • 5
  • 6A
  • 6B
  • 7F
  • 9V
  • 14
  • 18C
  • 19A
  • 19F
  • 23F
  • 8
  • 10A
  • 11A
  • 12F
  • 15B
  • 22F
  • 33F
ประสิทธิภาพของ PCV 20
  • PCV20 ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคติดเชื้อนิวโมคอคคัสในกระแสเลือด (Invasive Pneumococcal Disease) ได้สูงถึง 86.8% ในกลุ่มอายุตั้งแต่ 61 ปีขึ้นไปและ 83.2% ในทุกช่วงวัย
  • PCV20 ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคปอดอักเสบจากเชื้อนิวโมคอคคัส (Pneumococcal Pneumonia) ได้สูงถึง 84.9% ในผู้ใหญ่อายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป
ข้อบ่งชี้
  • เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี (โดยเฉพาะเด็กที่มีความเสี่ยงสูง)
  • ผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ไตวายเรื้อรัง ภูมิคุ้มกันบกพร่อง โรคตับแข็ง โรคปอดเรื้อรัง เช่น ถุงลมโป่งพอง
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เช่น ผู้ป่วยได้รับการผ่าตัดประสาทหูเทียม
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ที่ได้รับยากดภูมิ หรือผู้ป่วยมะเร็งของระบบเลือด ผู้ป่วย HIV
  • ผู้ที่ไม่มีม้ามหรือม้ามทำงานผิดปกติ
เปรียบเทียบวัคซีน PCV13, PCV20 และ PPSV23
คุณสมบัติ
PCV13 (Prevnar 13)
ป้องกัน 13 สายพันธุ์
PCV20 (Prevnar 20)
ป้องกัน 20 สายพันธุ์
PPSV23 (Pneumovax 23)
ป้องกัน 23 สายพันธุ์
กระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็กเล็ก
มีหน่วยความจำภูมิคุ้มกัน
ป้องกันปอดอักเสบ
ป้องกันเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
ป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือด
ใช้แทน PCV13 + PPSV23 ได้
PCV20 เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในปัจจุบัน เพราะสามารถใช้แทนทั้ง PCV13 และ PPSV23 ได้ในเข็มเดียว
ข้อดี
  • ครอบคลุมสายพันธุ์ก่อโรคได้กว้างขึ้น: PCV20 บรรจุสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยและก่อโรครุนแรงในประเทศไทย จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันโรค
  • เพิ่มการป้องกันโรคปอดบวมและโรคติดเชื้อในกระแสเลือด: ครอบคลุมสายพันธุ์ที่ก่อโรคได้มากกว่า 80%
  • เพิ่มความสะดวกด้วยการฉีดเพียง 1 เข็ม: PCV20 เพียง 1 เข็ม ช่วยลดความสับสนของคนไข้ ในเรื่องประวัติการรับวัคซีนและลดค่าใช้จ่ายอื่น ๆ อาทิเช่น ค่าเดินทาง เพราะสามารถรับวัคซีนครบคอร์สภายในครั้งเดียว
  • การตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้น: PCV20 เป็นวัคซีนชนิดคอนจูเกต ซึ่งมีการเพิ่มโปรตีนเข้าไปในโครงสร้างของวัคซีน ทำให้มีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าวัคซีนชนิดพอลีแซคคาร์ไรด์
  • ผู้ที่เคยได้รับวัคซีน PCV13 หรือ PPSV23 ตัวใดตัวหนึ่งมาก่อน สามารถรับ PCV20 เพิ่มได้
หากคุณอยู่ในกลุ่มเสี่ยง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อพิจารณาฉีดวัคซีน PCV20

โปรแกรมและแพ็คเกจ

ภาพถ่ายรังสีพานอรามิกทางทันตกรรม

ภาพถ่ายรังสีพานอรามิกทางทันตกรรม

DENTAL PANORAMIC FILM
ภาพถ่ายรังสีพานอรามิกทางทันตกรรม ( Orthopantomogram / Dental Panoramic Film / OPG) คือภาพถ่ายรังสีชนิดนอกช่องปากชนิดหนึ่งที่สามารถแสดงให้เห็นภาพรวมของขากรรไกรบนและล่าง ฟันทุกซี่ โพรงไซนัส โพรงจมูก ข้อต่อขากรรไกร และกะโหลกศีรษะบางส่วนในภาพเดียวกัน
ใช้เวลาในการถ่ายภาพรังสีน้อยมาก และไม่จำเป็นต้องใส่อุปกรณ์ใดๆ พิเศษ ทำให้เป็นการถ่ายภาพรังสีที่ไม่เจ็บและได้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์หลายประการในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทางทันตกรรม
ภาพถ่ายรังสีพานอรามิก จึงเป็นภาพถ่ายรังสีที่ทันตแพทย์นิยมใช้เพื่อคัดกรองรอยโรคต่างๆโดยเฉพาะกระดูกขากรรไกร โพรงไซนัส และฟัน รวมถึงมักถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวินิจฉัย และวางแผนการรักษาทางทันตกรรมสาขาต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทันตกรรมจัดฟัน
ประโยชน์ของภาพรังสีพานอรามิกที่มักถูกใช้ในทางทันตกรรม มีดังต่อไปนี้
  1. ใช้ในการวางแผนการรักษาทันตกรรมสาขาต่างๆ เช่น การวางแผนการจัดฟัน ใช้เพื่อการเตรียมช่องปากก่อนการทำฟันปลอม หรือการฝังรากฟันเทียม ใช้ประเมินสภาวะของกระดูกและเนื้อเยื่อปริทันต์ที่รองรับฟัน ในการวินิจฉัยโรคเหงือกและการรักษาทางทันตกรรมปริทันตวิทยา ใช้เพื่อระบุตำแหน่งฟันคุดหรือฟันฝัง รวมถึงความสัมพันธ์ของฟันเหล่านั้นกับโครงสร้างสำคัญข้างเคียง เช่นโพรงไซนัส หรือเส้นประสาทเพื่อวางแผนการผ่าตัดฟันคุด ฟันฝัง หรือการผ่าตัดบริเวณขากรรไกรและใบหน้าในงานทันตศัลยกรรม เป็นต้น
  2. ใช้ตรวจคัดกรองความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพที่ขากรรไกร ฟันทุกซี่ โพรงไซนัส โพรงจมูก ข้อต่อขากรรไกร และกะโหลกศีรษะบางส่วน เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็ง เนื้องอก ถุงน้ำ บริเวณดังกล่าว การตรวจหารอยแตกร้าวของขากรรไกรจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
  3. ใช้ร่วมกับการตรวจทางคลินิก หรือภาพรังสีอื่นๆ เพื่อการวินิจฉัยโรคทางทันตกรรมที่แม่นยำ

ภาวะพร่อง ฮอร์โมนเพศชาย

ภาวะพร่อง ฮอร์โมนเพศชาย

LOW TESTOSTERONE
ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Hypogonadism) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชาย หรือ "เทสโทสเตอโรน" ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ ซึ่งฮอร์โมนนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาลักษณะทางเพศชาย การทำงานของอวัยวะเพศ และระบบสืบพันธุ์ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนยังเกี่ยวข้องกับมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกระดูก และการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง การพร่องฮอร์โมนเพศชายอาจเกิดได้ทั้งในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้กับเพศชายในวัยตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป
ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
  1. ภาวะพร่องปฐมภูมิ (Primary hypogonadism): เกิดจากปัญหาที่อัณฑะเอง ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้เพียงพอ สาเหตุอาจรวมถึง

    • ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น กลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter syndrome)
    • อัณฑะบิดตัวหรือบาดเจ็บจากการบาดเจ็บที่ทำให้อัณฑะไม่ทำงานตามปกติ
    • การติดเชื้อในอัณฑะ เช่น คางทูม
    • รังสีรักษาหรือเคมีบำบัด
  2. ภาวะพร่องทุติยภูมิ (Secondary hypogonadism): เกิดจากปัญหาที่ต่อมใต้สมองหรือไฮโปทาลามัส ซึ่งเป็นส่วนที่ ควบคุมการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน สาเหตุอาจรวมถึง

    • เนื้องอกในสมอง
    • การฉายรังสีที่สมอง
    • การได้รับยาบางประเภท เช่น สเตียรอยด์
    • โรคอ้วน
อาการ
อาการของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายสามารถแตกต่างกันไปตามช่วงอายุที่เริ่มเกิดภาวะนี้:
  • ในวัยเด็ก: อาจทำให้ลักษณะเพศชายไม่พัฒนา เช่น ขนตามตัวน้อย กล้ามเนื้อไม่เจริญเติบโต เสียงไม่เปลี่ยน
  • ในวัยผู้ใหญ่: : อาจมีอาการเช่น ความต้องการทางเพศลดลง หย่อนสมรรถภาพทางเพศ มวลกล้ามเนื้อลดลง การเพิ่มขึ้นของไขมันร่างกาย อารมณ์ไม่คงที่ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า อยากอยู่คนเดียว ขาดสมาธิ หมดเรี่ยวแรง อ้วนลงพุง และการทำงานของสมองช้าลง ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่านี่คืออาการที่อาจเกิดจากภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย และปล่อยผ่านเลยจนถึงจุดที่ยากจะรักษา เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ การตระหนักรู้ถึงกลุ่มอาการและปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่ภาวะเหล่านี้
กลุ่มที่มีความเสี่ยง
  • ผู้ชายที่ใช้ชีวิตหนัก พักผ่อนน้อย
  • ผู้มีโรคเรื้องรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง (เส้นรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว)
  • ผู้ที่ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์
ขั้นตอนการเข้ารับการตรวจง่ายนิดเดียว
  1. เริ่มจากการทำแบบสอบถาม เพื่อคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายในเบื้องต้น
  2. แพทย์จะประเมินอาการหากต้องมี การตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศชายด้วยการเจาะเลือดเพื่อการรักษาที่เฉพาะเจาะจงตามอาการสำหรับแต่ละคน
ควรเจาะเลือด | เพื่อตรวจในช่วงเช้า 7:00 - 11:00 น.
การรักษาภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตได้แก่ การงดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การควบคุมการรับประทานอาหารประเภทแป้งและไขมัน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • การให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาระดับฮอร์โมนเพศชายที่จำเป็นต่อสรีระการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น การคงสภาวะกระดูกกล้ามเนื้อ อารมณ์ ความต้องการทางเพศ และสมรรถภาพทางเพศ โดยเฉพาะความรู้สึกถึงคุณภาพการดำรงชีวิต และ การสนองตอบทางเพศ
รูปแบบของยาฮอร์โมนเพศชาย
  1. รูปแบบทาที่ผิวหนัง เป็นรูปแบบเจลใสในซอง ทาลงบนผิวหนังที่แห้งและสะอาด บริเวณหัวไหล่ ต้นแขน หรือที่หน้าท้อง
  2. รูปแบบฉีด เป็นชนิดที่ฉีดเข้าในกล้ามเนื้อ
การเพิ่มฮอร์โมนเพศชายนั้น แนะนำให้อยู่ในการดูแลของแพทย์
หากคุณมีอาการเหล่านี้
  • ไม่กระฉับกระเฉง
  • ขาดความมั่นใจ
  • หงุดหงิดง่าย
  • ซึมเศร้า
  • ไม่อยากทำการบ้าน
  • อ้วนลงพุง
  • อารมณ์แปรปรวน
  • เส้นรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว
  • เฉื่อยชา
  • กระสับกระส่าย
  • ร้อนวูบวาบ
  • นอนไม่หลับ
  • นกเขาไม่ขัน
คุณอาจมีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาอย่างเหมาะสม

การรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต ด้วยไอน้ำ

การรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต ด้วยไอน้ำ

ทุกวันนี้หลายคนตระหนักในเรื่องปัญหาทางสุขภาพที่มากับอายุมากขึ้น และพบว่าในผู้ชายที่อายุเริ่มเยอะขึ้น จะมาพบแพทย์ด้วยอาการผิดปกติ
โดยมีอาการในกลุ่มของภาวะโรคต่อมลูกหมากโต เช่น
  1. ปัสสาวะลําบากปัสสาวะไม่สุด
  2. ปัสสาวะรู้สึกเบาลง ปัสสาวะไม่พุ่ง
  3. ปัสสาวะบ่อยในช่วงกลางวันและกลางคืน
  4. กลั้นปัสสาวะไม่ได้ เล็ดราด
ภาวะต่อมลูกหมากโต
Benign Prostatic Hyperplasia (BPH)
ภาวะต่อมลูกหมากโต (BPH) Benign Prostatic Hyperplasia เป็นการเพิ่มขึ้นของขนาดของเซลล์ต่อมลูกหมากแต่ละเซลล์ ส่งผลให้ต่อมลูกหมากโต ทำให้นำไปสู่การอุดตันของคอของกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งจะเกิดในผู้ชาย เกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ที่มีอายุระหว่าง 60 ปีขึ้นไป
แนวทางในการตรวจโรคภาวะต่อมลูกหมาก
    การซักประวัติประเมินความรุนแรงของโรค ว่ามีความรุนแรงมากน้อย เพียงใด
    การตรวจร่างกายตรวจคลำทวารหนัก เพื่อดูขนาดต่อมลูกหมาก
    การเจาะเลือดคัดกรองมะเร็งต่อมลูกหมาก สำหรับผู้ชายที่อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
แนวทางการรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต
    การปรับเปลี่ยนพฤติกรรม
    การใช้ยาต่อมลูกหมาก เพื่อให้สามารถปัสสาวะได้คล่องขึ้น มากขึ้น สุดมากขึ้น
    การรักษาด้วยการผ่าตัด
การรักษาภาวะต่อมลูกหมากโต โดยมาตรฐานทั่วไปคือการคว้านต่อมลูกหมากโดยขดลวดไฟฟ้า วิธีนี้ก็จะทำให้ต่อมลูกหมากถูกคว้านออกไป ท่อปัสสาวะก็จะกว้างขึ้นทำให้ผู้ป่วยสามารถปัสสาวะได้ง่ายขึ้น แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ใหม่ คือ การรักษาต่อมลูกหมากด้วยไอน้ำเป็นนวัตกรรมใหม่
การบำบัดด้วยไอน้ำร้อน
การบำบัดด้วยไอน้ำร้อน (WVTT) ใช้พลังงานไอน้ำร้อนเพื่อทำลายเนื้อเยื่อต่อมลูกหมาก การทำลายด้วยพลังงานไอน้ำร้อนจะไม่ทำให้เกิดการไล่ระดับความร้อนที่มองเห็นได้ ซึ่งจะเห็นได้จากการถ่ายเทความร้อนแบบนำไฟฟ้า เช่น ในการบำบัดด้วยไมโครเวฟผ่านท่อปัสสาวะ (TUMT) ดังนั้นจึงไม่มีผลกระทบจากความร้อนเกิดขึ้นนอกต่อมลูกหมากหรือบริเวณที่ต้องการรักษา สามารถทำหัตถการนี้ได้ในไม่ต้องใช้ยาสลบหรือยาแก้ปวดเลย
โดยวิธีนี้ แพทย์จะทำการส่องกล้องและเครื่องมือผ่านท่อปัสสาวะ ไปยังต่อมลูกหมาก จะใช้ไอน้ำที่มีความร้อนสูง ยิงเข้าไปในเนื้อต่อมลูกหมาก เพื่อให้เนื้อต่อมลูกหมากฝ่อลง เมื่อระยะเวลาผ่านไปร่างกายจะค่อยๆ กำจัดเซลล์ต่อมลูกหมากที่ตายออก และเซลล์ต่อมลูกหมากที่อุดตันทางเดินปัสสาวะจะยุบตัวลง รวมถึงขนาดต่อมลูกหมากก็จะเล็กลงด้วย ทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้สะดวกมากขึ้น
ซึ่งข้อดีก็คือ
  1. เจ็บน้อย ไม่ปวดมากเหมือนกันขวานด้วยขดลวดไฟฟ้า แผลหายไว
  2. ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล หลังทำการรักษา ผู้ป่วยสามารถกลับไปพักฟื้นที่บ้านได้เลย
  3. เป็นการส่องกล้องโดยไม่ต้องผ่าตัด ทำให้ผู้ป่วยไม่มีแผลเป็นจากการผ่าตัด
  4. ใช้เวลารักษาไม่นาน เพียงแค่ 10 - 15 นาที
  5. เสียเลือดน้อย ฟื้นตัวเร็ว
  6. ไม่ต้องวางยาสลบ ใช้แค่ยาระงับประสาทอ่อนๆ หรือยาแก้ปวดเฉพาะที่
อย่างไรก็ตาม การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำยังมีข้อจำกัดในเรื่องผู้ป่วยที่ใส่หูรูดทางเดินปัสสาวะเทียม ใส่แกนองคชาตเทียม หรืออวัยวะเพศชายเทียม รวมถึงผู้ป่วยที่ยังมีภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมก่อน
การรักษาด้วยระบบไอน้ำเหมาะกับใคร
  • การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำ เหมาะกับผู้ป่วยต่อมลูกหมากโตที่มีขนาดลูกหมากโตไม่มาก คืออยู่ระหว่าง 30 - 80 กรัม
  • ผู้ป่วยที่ไม่อยากทานยารักษาต่อมผู้หมากโตเป็นเวลานานๆ
  • ผู้ป่วยที่ทานยาแล้วมีผลข้างเคียงของยา เช่น มีภาวะความดันโลหิตตก เวียนศีรษะ หรือหย่อนสมรรถภาพทางเพศจากยา
  • ผู้ป่วยที่ทานยาต่อมลูกหมากแล้วอาการไม่ดีขึ้น ไม่ตอบสนองต่อการทานยา
  • ผู้ป่วยที่ร่างกายหรือสุขภาพไม่แข็งแรงพอที่จะดมยาสลบหรือวางยาสลบเป็นเวลานานเพื่อการผ่าตัด
อย่างไรก็ตาม การรักษาต่อมลูกหมากโตด้วยไอน้ำยังมีข้อจำกัดในเรื่องผู้ป่วยที่ใส่หูรูดทางเดินปัสสาวะเทียม ใส่แกนองคชาตเทียม หรืออวัยวะเพศชายเทียม รวมถึงผู้ป่วยที่ยังมีภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ ซึ่งต้องปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางการรักษาที่เหมาะสมก่อน

Lady Check สุภาพสตรี สุขภาพดีทุกช่วงวัย

Lady Check สุภาพสตรี สุขภาพดีทุกช่วงวัย

Lady Check สุภาพสตรี สุขภาพดีทุกช่วงวัย

เพราะ "ผู้หญิง" ต้องการ การดูแล


การตรวจสุขภาพสำหรับคุณผู้หญิง สำคัญไม่ใช่เรื่องไกลตัว อีกต่อไป การตรวจสุขภาพตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อเป็นการค้นหาความเสี่ยงของการเกิดโรค โดยเฉพาะจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง
BUY NOW!

เพราะ "ผู้หญิง" ต้องการ การดูแล

“ผู้หญิง” มีเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพมากมายที่ต้องดูแล สิ่งหนึ่งที่คุณผู้หญิงทุกคนไม่สามารถละเลยได้ คือ สุขอนามัยส่วนตัวที่ผู้หญิงไม่ควรมองข้าม หากเกิดอาการไม่พึงประสงค์บริเวณจุดซ่อนเร้น เริ่มตั้งแต่มีอาการเล็กน้อย ไปจนถึงปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการได้รับเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์ ยิ่งช่วงเวลามีวันนั้นของเดือนผู้หญิงเราต้องระมัดระวังดูแลความสะอาดบริเวณจุดซ่อนเร้นมากเป็นพิเศษ
สิ่งเหล่านี้คงช่วยให้ “ผู้หญิง” มีแนวทางรับมือกับปัญหาสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นได้ในช่วงระหว่างวันนั้นของเดือนหรือช่วงเวลาปกติ ไปจนถึงโรคภัยร้ายที่จะเกิดขึ้นในสตรีเสี่ยงรับเชื้อผ่านทางเพศสัมพันธ์ซึ่ง “หากความผิดปกติเหล่านั้นถูกค้นพบและได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ย่อมส่งผลดีต่อการรักษาให้หายขาด ลดโอกาสการสูญเสียชีวิตของคุณผู้หญิงได้ในที่สุด”
รายการ
Young lady
Lady 1
Lady 2
Lady 3
Lady 4
ตรวจสุขภาพโดยสูติแพทย์
Physical Examination by OB-GyN
ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกด้วยวิธี ลิควิค เพร็พ
Liquid Prep
ตรวจภายในและตรวจมะเร็งปากมดลูก แบบเจาะลึกระดับ DNA
Pelvic Exam and HPV DNA Test
ตรวจอัลตราซาวด์ช่องท้องส่วนล่าง
Pelvic Ultrasound
ตรวจมะเร็งเต้านม + อัลตร้าซาวด์
 Mammography and Ultrasound
ราคาปกติ
2,330
2,615
3,615
5,115
8,730
ราคาแพ็คเกจ
2,199
2,399
2,999
3,999
6,999
ราคานี้รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
เลือกรายการที่เหมาะกับคุณ
รายการ
ช่วงอายุที่เหมาะสม
Young Lady
ตรวจ 2 รายการ
20 - 29 ปี
Lady Check 1
ตรวจ 2 รายการ
30 ปีขึ้นไป
Lady Check 2
ตรวจ 3 รายการ
30 ปีขึ้นไป
Lady Check 3
ตรวจ 4 รายการ
30 ปีขึ้นไป
Lady Check 4
ตรวจ 5 รายการ
30 ปีขึ้นไป
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

Baby Delivery Package

Normal Delivery Pack […]

PACKAGE ฝังยาคุมกำเนิด

แพ็กเกจฝังยาคุมกำเนิ […]

โรคตาแห้ง “โรคตายอดฮิตของคนหน้าคอมฯ”

โรคตาแห้ง "โรคตายอดฮิตของคนหน้าคอมฯ"

Dry eye
โรคตาแห้ง "โรคตายอดฮิตของคนหน้าคอมฯ"
จากสภาวะการใช้ชีวิตของคนทำงานยุคปัจจุบัน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ รวมถึงการใส่คอนแทคเลนส์ในการทำงานประจำวัน และต้องเจอสภาพอากาศแห้ง แปรเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทั้งการปะทะลมหรือแสงแดดเป็นประจำ รวมถึงการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดผลกระทบจนเกิดอาการตาแห้ง
สาเหตุของโรคตาแห้ง
โรคตาแห้ง สามารถแบ่งสาเหตุได้ดังนี้ คือ
  1. การผลิตน้ำตาลดลง สาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายหรือภาวะความเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้ที่ตา โรคโชเกร็น (Sjogren's syndrome) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus: SLE) โรคของต่อมไทรอยด์ การขาดวิตามิน การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาลดความดันโลหิต ยารักษาสิว ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคพาร์กินสัน หลังผ่าตัดดวงตา เช่น หลังการผ่าตัดต้อกระจก หรือหลังทำ เลสิก การใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หรือเคยทำเลสิก
  2. น้ำตาเกิดการระเหยไว จากต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ(Meibomian gland dysfunction: MGD)โดยปกติต่อมไมโบเมียนจะทำหน้าที่สร้างน้ำตาชั้นไขมัน ทำให้น้ำตาระเหยได้ช้า หากต่อมนี้ทำงานผิดปกติ จะทำให้น้ำตาระเหยไวขึ้น จะเกิดภาวะตาแห้งในที่สุด รวมถึงการใช้สายตาระยะใกล้ ทั้งทำงานนั่งจอคอมพิวเตอร์เวลานานหรือการอ่านหนังสือต่อเนื่อง
  3. ปัจจัยภายในตัวบุคคล เช่น

    • เพศ โดยพบว่าเพศหญิงเป็นมากกว่าเพศชาย
    • อายุ ที่พบว่าเมื่อเข้าสู่อายุ 65 ปีขึ้นไป มีอัตราการเกิดโรคตาแห้งสูงกว่าวัยอื่น
อาการ
ผู้ป่วยจะรู้สึกระคายเคืองตา เหมือนมีเศษผงอยู่ในดวงตา แสบตาง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีลมพัดเข้าสู่ดวงตา หรือเมื่ออยู่ในห้องแอร์ จะรู้สึกได้ว่า ดวงตาแห้งอยู่ตลอด
วิธีป้องกันโรคตาแห้ง
สำหรับคนที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรพักสายตาทุก 1-2 ชั่วโมง พักประมาณ 5 นาที โดยการหลับตาหรือมองไปที่ไกลๆ เพิ่มเติมด้วยการติดแผ่นกรองแสงที่หน้าจอ หรือสวมแว่นตา ที่ช่วยลดแสงสีฟ้า ช่วยถนอมสายตา
การตรวจวิเคราะห์
  1. แพทย์จะตรวจวัดปริมาณน้ำตาโดยการตรวจ Tear Meniscus ตรวจลักษณะขอบเปลือกตา และต่อมมัยโบเมียน (Meibomian gland) เพื่อการวัดความเข้มข้นของสารที่อยู่ในน้ำตา
  2. การค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของโรค เพื่อการควบคุมอาการของโรคทำให้การรักษาประสบความสำเร็จสูงขึ้นได้ เช่น

    • พักสายตาเป็นช่วงๆ โดยหลับตา 1-2 นาที หรือกระพริบตาถี่ๆ เพื่อช่วยกระจายน้ำตาให้เคลือบทั่วดวงตา
    • หยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา หลีกเลี่ยงการโดนลมแรงๆ ปะทะดวงตาโดยตรง เช่น ลมจากพัดลม เครื่องปรับอากาศ ที่เป่าผม ควรสวมแว่นกันแดดหรือแว่นที่ครอบดวงตา
    • หากต้องอยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้ง ควรหลับตาเป็นพักๆ เพื่อลดการระเหยของน้ำตา
    • ดื่มน้ำให้มาก รับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเอสูง เช่น น้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง แครอท บรอคโคลี่ ฟักทอง หรือกรดไขมันโอเมก้า3สูง เช่น ปลาทะเลน้ำลึก เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว เพื่อช่วยดูแลและบำรุงสายตา
การรักษา
  1. แพทย์จะช่วยให้คำปรึกษา ปรับพฤติกรรมการใช้สายตาให้เหมาะสม ร่วมกันการใช้น้ำตาเทียมหยอดตา
  2. ใช้แว่นกอกเกิลส์ เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำตาร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่กับลมแรง เช่น คนที่ทำงานขับขี่มอเตอร์ไซด์
  3. หากรู้สึกมีความผิดปกติที่ตา มีอาการแสบตา ตาแห้ง รู้สึกไม่สบายตา น้ำตาไหล ระคายเคืองตา มีเมือกในตา หรือตาพร่ามัว ให้สงสัยว่าอาจมีภาวะตาแห้ง แนะนำให้ลองปฏิบัติตัวตามคำแนะนำเบื้องตน
  4. หากมีอาการที่รุนแรงแนะนำให้พบจักษุแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาและการตรวจวินิจฉัยอย่างปลอดภัย

ผ่าตัดส่องกล้องซ่อมเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า

ผ่าตัดส่องกล้องซ่อมเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า: 199,990.-

3 วัน 2 คืน

เจ็บน้อย แผลเล็ก พักฟื้นไม่นาน ใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น

แพคเกจผ่าตัดส่องกล้องซ่อมเอ็นไขว้หน้าข้อเข่า

Package Arthroscopic ACL Knee
คุณมีอาการเหล่านี้ไหม ?
ปวดรุนแรง ปวดเรื้อรัง บวม แดง ช้ำ กดเจ็บ เดินลงน้ำหนักข้างที่บาดเจ็บไม่ได้ กระทบต่อชีวิตประจำวัน
รายละเอียดแพ็กเกจ
  1. รวมค่าห้องผ่าตัด, อุปกรณ์ทางการแพทย์ในห้องผ่าตัดและค่าอุปกรณ์ที่จำเป็นในการผ่าตัด
  2. รวมค่าธรรมเนียมแพทย์ผ่าตัด, ค่าวิสัญญีแพทย์
  3. รวมค่าพยาบาลห้องผ่าตัด, ห้องพักฟื้น, ค่าบริการโรงพยาบาล
  4. รวมค่ายาและเวชภัณฑ์ที่ใช้ในการผ่าตัดตามที่โรงพยาบาลกำหนด
  5. รวมค่ายากลับบ้าน (ตามที่โรงพยาบาลกำหนด)
  6. รวมค่าห้องพักเดี่ยว 3 วัน 2 คืน และค่าอาหารตามที่โรงพยาบาลกำหนด
ข้อดี : เจ็บน้อย แผลเล็ก พักฟื้นไม่นาน ใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น
หมายเหตุ
  • ไม่รวมค่าตรวจประเมินก่อนผ่าตัด เช่น ค่าเจาะเลือด ค่าเอกซเรย์ ค่าตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • ไม่รวมค่าปรึกษาแพทย์เฉพาะทางอื่นๆ อาทิ แพทย์อายุรกรรม แพทย์อายุกรรมหัวใจ
  • ไม่รวมค่ายารักษาโรคประจำตัวหรือตรวจอื่นๆ เพิ่มเติมที่นอกเหนือจากแพ็กเกจที่โรงพยาบาลกำหนด
  • ไม่รวมค่าใช้จ่ายในส่วนที่เกิดภาวะไม่พึงประสงค์ หรือภาวะแทรกซ้อน ซึ่งส่งผลทำให้เกิดการผ่าตัดซ้ำ
  • แพ็กเกจนี้ไม่สามารถใช้ได้ในกรณีพยาธิสภาพโรคที่ไม่เป็นไปตามปกติ
  • กรณีมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินนอกเหนือจากรายการที่กำหนด ผู้ป่วยต้องชำระเงินเองจะคิดค่าบริการในอัตราปกติ
  • ผู้ที่เข้าร่วมแพคเกจ ต้องผ่านการประเมิน / พิจารณาของแพทย์และเฉพาะแพทย์ที่เข้าร่วมรายการ
  • แพ็กเกจดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์และส่วนลดอื่นๆ ได้ เช่น ผู้ถือหุ้น บริษัทคู่สัญญา และบริษัทประกัน
  • สำหรับลูกค้าชาวไทยและต่างชาติที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โรคอหิวาตกโรค (Cholera)

โรคอหิวาตกโรค (Cholera)

Cholera
โรคอหิวาตกโรค
Cholera
หลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้การระบาดของโรคอหิวาตกโรคเป็น "ภาวะฉุกเฉินครั้งใหญ่" และพบผู้ป่วยในหลายประเทศเพิ่มขึ้น ประเทศไทยได้เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวมาโดยตลอด
สถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทย
พบผู้ป่วย 4 คนตั้งแต่เดือน ธ.ค.2567 ในพื้นที่ จ.ตาก เป็นชาวต่างชาติ 2 คน คนไทย 2 คน และมีผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการอีก 3 คน (ต่างชาติ 2 คน คนไทย 1 คน) ทั้งหมดได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว และไม่มีผู้เสียชีวิต
กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินมาตรการเฝ้าระวังและควบคุมโรคอย่างเข้มงวด ทำให้สามารถควบคุมสถานการณ์ได้เป็นอย่างดี เน้นการป้องกัน เนื่องจากโรคอหิวาตกโรคแพร่กระจายได้ง่าย ผ่านการบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน
จึงต้องเน้นย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการป้องกันอย่างเคร่งครัด เช่น กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และเลือกบริโภคอาหารที่ปรุงสุกใหม่
อาการ
ผู้ป่วย จะถ่ายเป็นน้ำจำนวนมาก มีเนื้ออุจจาระน้อย เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันร่วมกับมีอาการและอาการแสดงของการขาดน้ำอย่างรวดเร็วและรุนแรง อาจมีคลื่นไส้ อาเจียน ส่วนใหญ่ไม่มีไข้ ไม่ปวดท้อง
ในรายที่มีอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาผู้ป่วยอาจตายในเวลา 2-3 ชั่วโมง และอัตราป่วยตายสูงมากกว่าร้อยละ 50 แต่ถ้าได้รับการรักษาถูกต้องและทันท่วงที อัตราป่วยตายจะลดลงเหลือต่ำกว่าร้อยละ 1
การควบคุม
  1. จัดให้มีการสุขาภิบาลในเรื่องการทำลายอุจจาระและการป้องกันแมลงวัน จัดที่สำหรับล้างมือในกรณีที่ไม่มีส้วม ควรกำจัดอุจจาระด้วยการฝัง และที่ฝังจะต้องห่างจากแหล่งน้ำดื่มน้ำดื่มควรต้มหรือใส่คลอรีน น้ำใช้ควรได้จากแหล่งที่สะอาด
  2. ควบคุมแมลงวันโดยใช้มุ้งลวด พ่นยาฆ่าแมลง หรือใช้กับดัก ควบคุมการขยายพันธุ์ด้วยการเก็บและทำลายขยะโดยวิธีที่เหมาะสม
  3. ระมัดระวังเรื่องความสะอาดของอาหาร ควรเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงใหม่หรือแน่ใจว่าสะอาด การล้างมือก่อนรับประทานอาหาร
  4. นมหรือผลิตภัณฑ์นมควรผ่านการพาสเจอร์ไรซ์ หรือการต้มก่อน ให้คำแนะนำเรื่องการควบคุมการผลิต การเก็บรักษา และการจัดจำหน่ายให้ถูกสุขลักษณะ
  5. ควบคุมการผลิตอาหาร และเครื่องดื่มให้เหมาะสม ให้ใช้น้ำผสมคลอรีนในงานผลิตอาหารและเครื่องดื่ม
  6. ผู้ที่ต้องเดินทางไปยังท้องที่ ซึ่งมีความเสี่ยงในการติดโรคสูงอาจกินยาปฏิชีวนะ จะช่วยป้อง กันโรคได้ สำหรับระยะเวลาสั้นๆ เช่น ภายใน 2 สัปดาห์แต่เชื้ออาจดื้อยาได้
  7. การให้วัคซีนป้องกันโรคอหิวาตกโรคในขณะที่มีการระบาดปัจจุบันไม่แนะนำให้ใช้แล้วเพราะสามารถป้องกันได้เพียงร้อยละ 50 และมีอายุสั้นเพียง 3-6 เดือน สำหรับวัคซีนชนิดกินที่ให้ภูมิคุ้มกันสูงต่อเชื้ออหิวาต์สายพันธุ์ o1 ได้หลายเดือนมีใช้แล้วหลายประเทศ มีสองชนิด ชนิดแรกวัคซีนเชื้อยังมีชีวิตกินครั้งเดียว (สายพันธุ์ CVD 103-HgR) ส่วนชนิดที่สองเป็นเชื้อตายแล้วประกอบด้วยเชื้ออหิวาห์ตายแล้วกับ cholera toxin ชนิด B-subunit กิน 2 ครั้ง
  8. การป้องกันการระบาดในสถานเลี้ยงเด็กเล็ก โดยรักษาความสะอาดสถานที่ข้าวของเครื่องใช้ เจ้าหน้าที่ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ แยกผู้ป่วยที่มีอาการอุจจาระร่วงและเพาะเชื้อหาสาเหตุของการป่วย
  9. มาตรการควบคุมการเคลื่อนย้ายประชากร อาหาร และสินค้าอื่นๆ ไม่นิยมทำนอกจากมีข้อ บ่งชี้ชัดเจน
การป้องกันโรค
  • กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ
  • เป็นวิธีป้องกันโรคที่ง่ายที่สุดและมีประสิทธิภาพสูงสุด
  • เลือกบริโภคอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรือสุก ๆ ดิบ ๆ
  • ดื่มน้ำสะอาดที่ผ่านการต้มหรือน้ำบรรจุขวดรักษาความสะอาด
  • ล้างมือบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
  • หากมีอาการผิดปกติควรปรึกษาแพทย์ทันที

ฝุ่น PM2.5 ภัยอันตรายอาจจะกลายเป็น “มะเร็งปอด”

ฝุ่น PM2.5 ภัยอันตรายอาจจะกลายเป็น “มะเร็งปอด”

ฝุ่น PM2.5 ภัยอันตรายอาจจะกลายเป็น “มะเร็งปอด”
สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเทศไทยได้รับผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 ที่มีระดับพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในทุกพื้นที่ ซึ่งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ตา และผิวหนัง เมื่อเจอกับสถานการณ์ฝุ่นแบบนี้ เพื่อป้องกันอันตรายต่อสุขภาพ
เราจะมาคุยกับคุณหมอ...เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับสถานการณ์ฝุ่นตัวร้ายอย่างถูกต้อง และปลอดภัย
รู้จัก PM 2.5
PM 2.5 มาจากคำว่า Particulate matter ซึ่งคือ ฝุ่นที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน หรือขนาดประมาณ 1 ใน 25ของเส้นผ่าศูนย์กลางของเส้นผม เมื่อเราหายใจเอาฝุ่นเหล่านี้เข้าไป จะสามารถหลุดรอดการกรองจากจมูก และผ่านลงไปในถุงลมปอด เข้าสู่ระบบไหลเวียนโลหิตได้ ซึ่งส่งผลให้เกิดการอักเสบของระบบทางเดินหายใจ ระบบไหลเวียนโลหิต รวมถึงอวัยวะอื่นๆ นอกจากนี้มักพบสารก่อมะเร็งและโลหะหนักที่เป็นอันตรายเกาะอยู่ด้วย
ฝุ่นละอองทำให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง ?
เราสามารถพบผู้ป่วยที่มีอาการดังต่อไปนี้
  • ไอ, จาม, มีน้ำมูก, เจ็บคอ, มีเสมหะ ภูมิแพ้, ไซนัส, หายใจลำบาก, เจ็บหน้าอก
  • หลอดลมอักเสบ, หายใจมีเสียงดังอึด ๆ, ปอดอักเสบเกิดพังผืด, โรคถุงลมโป่งพอง
  • โรคมะเร็งระบบทางเดินหายใจ และ มะเร็งปอด
กลุ่มเสี่ยงและกลุ่มผู้ป่วย
  • ผู้สูงอายุ
  • เด็กเล็ก
  • ผู้ที่ใช้คอนแทคเลนส์
  • ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับปอด และระบบทางเดินหายใจ
อาการและผลกระทบ
ระยะสั้น :
ทำให้ระคายเคืองตา ตาแดง คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ อาการภูมิแพ้และหอบหืดกำเริบ ทำให้ปอดอักเสบติดเชื้อง่ายขึ้น ผิวหนังอักเสบมีผื่นคันที่ผิวหนัง
ระยะยาว :
การทำงานของปอดแย่ลง เสี่ยงต่อโรคระบบทางเดินหายใจ โรคหัวใจ และ โรคหลอดเลือดสมอง เพิ่มความเสี่ยงการเกิดมะเร็งปอด ผิวหนังเหี่ยวย่นก่อนวัย
การป้องกันวิธีการรับมือกับ ฝุ่นละอองขนาดเล็ก ทางราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ฯ ร่วมกับ 5 สมาคมวิชาชีพเวชกรรม ออกคำแนะนำการปฎิบัติตัวของประชาชนในช่วงวิกฤตฝุ่น PM2.5
  1. หมั่นตรวจสอบคุณภาพอากาศจากแหล่งข้อมูลของรัฐและเอกชนอย่างสม่ำเสมอ หรือใช้เครื่องวัดปริมาณฝุ่นแบบพกพา เพื่อวางแผนกิจวัตร ประจำวันให้เหมาะสมและให้หลีกเลี่ยงการสัมผัส สูด PM2.5 โดยการจัดให้มีพื้นที่ปลอดภัย (safety zone)
  2. เมื่อค่า PM2.5 ในขณะนั้น (ค่ารายชั่วโมง) ขึ้นสูงเกินเกณฑ์ คือ
    • สูงกว่า 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร กลุ่มเสี่ยงควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง บุคคลทั่วไปควรลดและปรับเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา
    • สูงกว่า 100 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกคนควรงดทำกิจกรรมกลางแจ้ง ยกเว้นผู้ที่ต้องทำหน้าที่บริการสาธารณะกลางแจ้งให้ใส่หน้ากาก N95 ตลอดเวลา
    • สูงกว่า 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ทุกคนควรอยู่ในตัวอาคารซึ่งติดตั้งระบบระบายและฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ยกเว้นผู้ที่ต้องทำหน้าที่บริการสาธารณะกลางแจ้ง ให้ใส่หน้ากาก N95 ตลอดเวลา และจำกัดช่วงเวลาปฏิบัติงาน ไม่ให้เกินครั้งละ 60 นาที
  3. ขณะที่ปริมาณฝุ่นภายนอกขึ้นสูง ภายในตัวอาคารควรจัดให้มีระบบระบายและฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
  4. การออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงลดโอกาสเจ็บป่วย แต่ขณะที่ปริมาณฝุ่นขึ้นสูงควรหลีกเลี่ยงหรือลดเวลาการออกกำลังกายกลางแจ้ง ตามระดับเตือนภัยในข้อ 2 หรือออกกําลังกายในร่มที่มีระบบระบายและฟอกอากาศที่มีประสิทธิภาพเพียงพอ
  5. ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ จะช่วยเร่งการขับฝุ่น PM2.5 ที่เล็ดลอดเข้ากระแสเลือด ออกไปทางไตในรูปของปัสสาวะได้มากขึ้น
  6. การอยู่ในบริเวณที่มีต้นไม้ใบเขียว จะช่วยการดูดซับฝุ่นในอากาศได้เพิ่มมากขึ้น

พิกัดที่เที่ยววันเด็ก 2568

วันเด็กแห่งชาติ - วันเสาร์ที่ 11 มกราคม 2568
วันเด็กปีนี้ตรงกับวันที่ 11 มกราคม 2568 ถือเป็นโอกาสที่ดีในการพาครอบครัวไปเที่ยวเด็กๆ จะได้สนุกสนานและเรียนรู้ไปพร้อมกัน โดยมีหลายสถานที่สำหรับการเที่ยวในวันเด็ก แล้วมีที่ไหนบ้างนะที่จัดกิจกรรมมาดูกัน
null
งานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ประจำปี 2568
งานฉลองวันเด็กแห่งชาติ ณ ทำเนียบรัฐบาล ประจำปี 2568
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 08.00-15.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กรุงเทพฯ
น้องๆ จะได้นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี เยี่ยมชมตึกไทยคู่ฟ้า ห้องทำงานนายกฯ ได้ลองอ่านข่าวสวมบทบาท “โฆษกรัฐบาล... นิวส์จิ๋ว” ณ ศูนย์แถลงข่าวนารีสโมสรและกิจกรรมแสนสนุก พร้อมของรางวัลมากมาย
งานวันเด็กแห่งชาติ กองทัพอากาศ
งานวันเด็กแห่งชาติ กองทัพอากาศ
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 07.00-15.00 น. ณ ฝูงบิน 601 กองบิน 6 พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ สนามบินเล็กทุ่งสีกันและกองบินต่างจังหวัดทั่วประเทศ
ภายในงานจะได้ตื่นตาตื่นใจกับการแสดงการบิน การแสดงยุทโธปกรณ์ทางทหาร และกิจกรรมต่างๆ บนเวที
รายละเอียดเพิ่มเติม : งานวันเด็กแห่งชาติ กองทัพอากาศ
null
Into the Spaceship
Into the Spaceship
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 08.00-16.00 น. ณ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครแห่งที่ 1 (จตุจักร)
ร่วมกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ในธีม "Into the Spaceship" ที่จะพาน้อง ๆ เรียนรู้เรื่องราวน่าทึ่งเกี่ยวกับ "อวกาศ" ที่ใครๆ ก็เข้าถึงได้ พร้อมกับกิจกรรม "Workshop" สุดสร้างสรรค์ ที่จะจุดประกายความรู้และจินตนาการของน้อง ๆ
รายละเอียดเพิ่มเติม : กิจกรรม "Into the Spaceship"
null
วันเด็กแห่งชาติ ณ กรมประชาสัมพันธ์
วันเด็กแห่งชาติ ณ กรมประชาสัมพันธ์
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป ณ กรมประชาสัมพันธ์ ซอยอารีย์สัมพันธ์ ภายในงานพบกับกิจกรรมต่าง ๆ เช่น
  • ร่วมสนุกกับเกมและกิจกรรมชิงของรางวัลภายในงาน
  • ลงทะเบียนรับของรางวัล, หนูน้อยศิลปะ, ค้นหา RC, เกมงานวัด, หลุมรางวัล, โยนห่วง, ตะกร้าจุ่มรางวัล ฯลฯ
  • กิจกรรมการประกวดและการแข่งขัน
  • กิจกรรมร้องเพลง, หนูน้อยอ่านข่าว ภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ
  • กิจกรรมความรู้จากหน่วยงานต่างๆ
  • กิจกรรมหนูน้อยจราจร, สาธิตการทำหัวโขนและหุ่นยนต์, ความรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม, ความรู้เรื่องอุบัติภัย
  • กิจกรรม Solf Power ปั้นลูกชุบ, ชกมวย
null
CRA WonderHealth
CRA WonderHealth ผจญภัยในดินแดนสุขภาพราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 08.00-14.00 น. ณ ห้องประชุม Convention Hall ชั้น 6 อาคารโรงพยาบาลจุฬาภรณ์
ร่วมผจญภัยในโลกสุขภาพไปกับกิจกรรมแสนสนุกสุดสร้างสรรค์ เรียนรู้เทคโนโลยีการแพทย์และวิทยาศาสตร์สุขภาพ พร้อมลุ้นรับรางวัลพิเศษมากมายภายในงาน
รายละเอียดเพิ่มเติม : CRA WonderHealth
null
การผจญภัยของเด็กๆ ในโลกสุขภาพ
การผจญภัยของเด็กๆ ในโลกสุขภาพ
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 08.30-12.00 น. ณ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ภายใต้ธีมงาน "การผจญภัยของเด็กๆ ในโลกสุขภาพ" พบกับกิจกรรมมากมาย
เวทีกลาง ณ ลานอเนกประสงค์ ชั้น 1 อาคารบริหาร
  • ซุ้มกิจกรรมต่าง ๆ
  • การขับร้องโดยโรงเรียนสอนดนตรี Kp Act
  • เสวนาเรื่อง "ของเล่นปลอดภัย สมวัย เสริมพัฒนาการ"
  • กิจกรรมเล่านิทานโดยโรงเรียนสอนดนตรี Kp Act
  • เสวนาเรื่อง "ไขความลับอาหารตามวัยในดินแดนมหัศจรรย์"
  • การแสดงโดยนักศึกษาพยาบาลรามาธิบดี
  • เสวนาเรื่อง "ไขความลับอาหารตามวัยในดินแดนมหัศจรรย์"
  • เสวนาเรื่อง "กิจกรรมสนุกช่วยส่งเสริมทักษะสมอง EF"
  • การแสดงโดยนักศึกษาแพทย์รามาธิบดี
Hospital Tour
  • กิจกรรม CPR (การปั๊มหัวใจ)
  • กิจกรรมห้องผ่าตัด
  • กิจกรรม VR (การจำลองภาพเสมือนจริง)
  • กิจกรรมทันตกรรม
รายละเอียดเพิ่มเติม : การผจญภัยของเด็กๆ ในโลกสุขภาพ
null
เด็กไทยหัวใจ Volunteer
เด็กไทยหัวใจ Volunteer
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 08.00-15.00 น. ณ บริเวณโถงอาคารสิรินธรานุสรณ์ 60 พรรษา สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ถนนอังรีดูนังต์
ภายในงานพบกิจกรรมจากพี่ ๆ หน่วยงานภายในสภากาชาดไทย พร้อมของแจก ของรางวัลพิเศษมากมายพลาดไม่ได้
รายละเอียดเพิ่มเติม : เด็กไทยหัวใจ Volunteer
null
Fin.Land Green Saving Adventure ตะลุยออม…รักษ์โลก
Fin.Land Green Saving Adventure ตะลุยออม…รักษ์โลก
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 8.00 - 15.45 น. ณ ศูนย์การเรียนรู้แบงก์ชาติ พบกับของรางวัลสุดว้าว กิจกรรมสุดสนุก เพลินกับการแสดงนิทานการออม และอิ่มอร่อยกับอาหาร - เครื่องดื่ม ฟรี ! ตลอดงาน
พิเศษกว่าที่เคย ! ชวนมาลุ้นรางวัล Lucky Draw สุดว้าว Samsung Galaxy Tab A9 LTE 8.7", ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่, สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า, จักรยานขาไถ, เลโก้, กล่องสุ่มอาร์ตทอยและของรางวัลภายในงานอีกมากมาย
รายละเอียดเพิ่มเติม : Fin.Land Green Saving Adventure ตะลุยออม…รักษ์โลก
null
ถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ 2568
ถนนสายวิทยาศาสตร์ รับวันเด็กแห่งชาติ 2568
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม “ถนนสายวิทยาศาสตร์ ScienceAvenue” จัดโดยองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSMกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม
  • เวลา 08.00-17.00 น. ณ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) หรือ NSM คลองห้า ปทุมธานี
  • เวลา 09.00-19.00 น. NSM Science Square @ The Street Ratchada ชั้น 5 ศูนย์การค้า เดอะ สตรีท รัชดา MRT ศูนย์วัฒนธรรม กทม.
null
เที่ยวงานวันเด็กกับไทยพีบีเอส
เที่ยวงานวันเด็กกับไทยพีบีเอส
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 07.00-15.00 น. ณ Thai PBS ภายในงานเด็กๆ จะได้ทดลองเป็น "ผู้ประกาศข่าวตัวจิ๋ว" พร้อมได้บันทึกเทปจริงและสามารถติดตามชมได้ที่
ช่องทางออนไลน์ของไทยพีบีเอส / ชมการแสดง "หนูน้อยเจ้าเวหา" เรียนรู้การเล่นและบินโดรนสุดว้าว / สวมบทบาทเป็น "เกษตรกรตัวน้อย" เรียนรู้วิถีชาวนา สัมผัสประสบการณ์ดำนา / How to "ทำพอดแคสต์" ฝึกลงเสียงจากทีมงานคุณภาพ / เปิดหน้า "YOUTUBER ตัวจิ๋ว" ทำรายการสุดปัง ! และไฮไลท์ 3 มหัศจรรย์เด็กไทย
  • มหัศจรรย์การละเล่นแบบไทย สนุกกับการละเล่นโบราณที่ประยุกต์มาเพื่อเด็ก Gen ใหม่
  • มหัศจรรย์ความสามารถเด็กไทย สนุกกับโชว์ความสามารถรอบด้านของเด็กไทยบนเวที
  • มหัศจรรย์วิถีไทย สนุกกับการแต่งชุดไทย เดินเล่นท่ามกลางบรรยากาศไทยๆ 5 ภาค
รายละเอียดเพิ่มเติม : เที่ยวงานวันเด็กกับไทยพีบีเอส
null
วันเด็ก ’68: Kids รอด ปลอดภัย
วันเด็ก ’68: Kids รอด ปลอดภัย
ชวนเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ 2568 วันเสาร์ที่ 11 มกราคม เวลา 10.00-17.00 น. ณ อุทยานการเรียนรู้ TK Park ชั้น 8 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์
เปิดพื้นที่ชวนเด็กๆ มา "Kids รอด ปลอดภัย" เตรียมตัว รู้ รอด จากอุบัติเหตุ ภัยพิบัติ เหตุการณ์ไม่คาดฝัน อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์หนักแค่ไหนก็พร้อมรับมือ เอาตัวรอดได้อย่างปลอดภัย สนุกกับกิจกรรมพร้อมรับรางวัลพิเศษมากมายจากผู้ใหญ่ใจดีกลับไปสนุกกับการเรียนรู้ต่อที่บ้าน และเพลิดเพลินกับการแสดงที่เราเตรียมไว้ให้ชมกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม : วันเด็ก ’68: Kids รอด ปลอดภัย

โนโรไวรัส (Norovirus)

โนโรไวรัส

Norovirus
เป็นเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเสีย อาเจียน และอาหารเป็นพิษที่พบได้บ่อย มักพบในช่วงเข้าฤดูหนาว หรือเมื่ออากาศเริ่มเย็นลง
อาการ
  • อาการที่พบได้บ่อย : ถ่ายเหลว, คลื่นไส้อาเจียน, ปวดท้อง
  • อาการอื่นๆ ที่พบได้ : ไข้, ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว
  • อาการขาดน้ำ อาจสังเกตได้จาก : ปากแห้ง, ปัสสาวะลดลง, เวียนศีรษะหน้ามืดเวลาลุกขึ้น, หากเป็นเด็กอาจพบว่าร้องให้โดยไม่มีน้ำตา
โดยผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงต่อการติดเชื้อที่รุนแรงได้แก่ เด็กอายุน้อยกว่า 5 ปี, ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ป่วยสามารถหายได้ใน 1-3 วัน แต่อาจสามารถแพร่กระจายเชื้อได้นานถึง 2 สัปดาห์
กรณีสงสัย สามารถตรวจเชื้อได้จากในอุจจาระ รอผล 1-2 ชั่วโมง
การแพร่กระจายเชื้อ
  • เป็นเชื้อไวรัสที่สามารถแพร่กระจาย และรับเชื้อได้ง่ายมาก
  • โดยรับเชื้อผ่านทางอุจจาระหรือการอาเจียนของผู้ที่มีอาการป่วยจากไวรัสชนิดนี้, การรับประทานอาหารและที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัส
  • ผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการ จนอาจยาวนานได้ถึง 2 สัปดาห์หลังจากอาการป่วยดีขึ้นแล้ว
วิธีการป้องกันการแพร่กระจาย/การติดเชื้อ
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน Norovirus โดยเฉพาะ แต่ท่านสามารถป้องกันการติดเชื้อได้ด้วยการล้างมือด้วยสบู่อย่างน้อย 20 วินาที
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
  • หลังการเข้าห้องน้ำ หรือ การเปลี่ยนผ้าอ้อม
  • ก่อนการปรุงอาหาร จับ หรือรับประทานอาหาร
  • ล้างผักผลไม้ ก่อนรับประทานทุกครั้ง
  • หากจะรับประทานหอยนางรมหรือหอยชนิดอื่น แนะนำให้ปรุงให้สุกด้วยอุณหภูมิอย่างน้อย 62.5 องศา
  • ทำความสะอาดห้องครัว เครื่องครัว อย่างสม่ำเสมอ
การใช้เจลล้างมืออาจจัดการกับ Norovirus ได้ไม่ดีนัก แนะนำให้ใช้ควบคู่กับการล้างมือถึงจะดีที่สุด
หากท่านเป็นผู้ป่วยจากการติดเชื้อ Norovirus แนะนำให้รอให้อาการป่วยหายดี 48 ชั่วโมงก่อน ถึงจะเตรียมอาหารได้
หากสัมผัสกับอาเจียนหรืออุจจาระของผู้ป่วย
  • ควรสวมถุงมือก่อนการสัมผัส ใช้กระดาษเช็ดออกให้หมด แล้วทิ้งลงถุงขยะพลาสติก
  • ทำความสะอาดบริเวณพื้นผิวที่สัมผัสด้วยผลิตภัณฑ์น้ำยาคลอรีนฆ่าเชื้อ แล้วตามด้วยสบู่+น้ำร้อนอีก 1 รอบ
  • การซักผ้าที่ปนเปื้อน แนะนำให้ซักด้วยน้ำร้อน ใช้โปรแกรมปั่นที่นานสุด หากมีโปรแกรมอบผ้าในตัวเครื่องแนะนำให้ใช้อุณหภูมิสูงสุด
การรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าเชื้อที่จำเพาะกับ Norovirus การรักษาเป็นเพียงการประคับประคองตามอาการ และป้องกันการขาดน้ำ ได้แก่
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอ
  • หากอาเจียนหรือถ่ายเหลวมาก ควรดื่มน้ำเกลือแร่ทางการแพทย์
  • การดื่มเกลือแร่ชนิดดื่มหลังออกกำลังกาย หรือเครื่องดื่มแบบไม่มีคาเฟอีนชนิดอื่น อาจช่วยได้ในการขาดน้ำแบบเล็กน้อยเท่านั้น
  • เฝ้าระวังการขาดน้ำ หากมีอาการขาดน้ำควรรีบปรึกษาแพทย์

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับเด็ก

โปรแกรมตรวจสุขภาพสำห […]

วัคซีนปัองกันโรคมือ เท้า ปาก (EV71)

วัคซีนป้องกันโรคมือเ […]