รู้ทันเชื้อ Salmonella แม้ไม่มีอาการ

การติดเชื้อ Salmonella แบบไม่มีอาการ (asymptomatic carriage) มักเกิดจากการได้รับเชื้อในปริมาณที่ไม่สูงพอที่จะก่อให้เกิดอาการรุนแรง หรือเกิดในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงพอที่จะควบคุมเชื้อได้

สาเหตุหลักของการได้รับเชื้อ

  • การบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน: เป็นเส้นทางหลักของการติดเชื้อ Salmonella ซึ่งแบคทีเรียมักจะอาศัยอยู่ในลำไส้ของคน สัตว์ และนก การติดต่อไปสู่คนมักผ่านการปนเปื้อนของอุจจาระในอาหารหรือน้ำดื่ม
  • อาหารที่ปนเปื้อนบ่อยในไทย:
    • เนื้อสัตว์ปีก เนื้อหมู เนื้อวัว และไข่ที่ไม่ปรุงสุก: เนื้อสัตว์เหล่านี้อาจมีการปนเปื้อนระหว่างกระบวนการชำแหละหรือแปรรูป แม้แต่ในไข่ไก่ที่ดูสะอาด เชื้อก็อาจปนเปื้อนอยู่ภายในได้หากแม่ไก่ติดเชื้อ
    • อาหารริมบาทวิถี (Street Food): รายงานการวิจัยพบว่ามีโอกาสพบการปนเปื้อนเชื้อ Salmonella ในอาหารริมบาทวิถีได้ โดยเฉพาะอาหารดิบหรืออาหารที่มีส่วนประกอบของอาหารดิบที่เตรียมหรือปรุงในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
    • ผักและผลไม้: สามารถปนเปื้อนได้หากมีการใช้น้ำที่ไม่สะอาดในการล้างหรือชลประทาน
    • นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์: กระบวนการพาสเจอร์ไรส์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึง Salmonella ด้วย
  • สุขอนามัยที่ไม่ดีพอ:
    • การเตรียมอาหารที่ไม่เหมาะสม: การใช้เขียงหรืออุปกรณ์ร่วมกันระหว่างอาหารดิบกับอาหารสุกโดยไม่มีการล้างทำความสะอาดอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดการปนเปื้อนข้ามได้ง่าย
    • การไม่ล้างมือ: การไม่ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดหลังเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสสัตว์ หรือก่อนเตรียมอาหาร สามารถนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้

โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องรักษา การติดเชื้อ Salmonella ในผู้ที่เป็นพาหะแบบไม่มีอาการด้วยยาปฏิชีวนะ

เหตุผลที่ไม่แนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะ

  • หายได้เองตามธรรมชาติ: ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ภูมิคุ้มกันของร่างกายมักจะสามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้เองภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์
  • อาจทำให้อาการหายช้าลง: การให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่ไม่จำเป็น (โดยเฉพาะในโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบจากเชื้อ Salmonella ชนิดที่ไม่ใช่ไทฟอยด์) อาจไปรบกวนสมดุลของแบคทีเรียดีในลำไส้ และอาจ ยืดระยะเวลาการเป็นพาหะ ออกไปได้
  • เสี่ยงต่อเชื้อดื้อยา: การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในทางการแพทย์

ข้อยกเว้นที่อาจจำเป็นต้องรักษา

มีบางกรณีที่แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ แม้จะไม่มีอาการชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีเหตุผลทางสาธารณสุข

  • กลุ่มเสี่ยงสูง:
    • ทารกอายุน้อยกว่า 3 เดือน
    • ผู้สูงอายุ
    • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
    • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานรุนแรง
  • ผู้ประกอบอาหาร (Food Handlers) หรือบุคลากรทางการแพทย์: ในบางกรณี หากตรวจพบว่าเป็นพาหะเรื้อรัง (มักเป็น Salmonella Typhi ที่ทำให้เกิดไข้ไทฟอยด์) อาจจำเป็นต้องให้การรักษาเพื่อกำจัดเชื้อให้หมดไป เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นในวงกว้าง

คำแนะนำสำหรับผู้เป็นพาหะแบบไม่มีอาการ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

  • ล้างมือให้สะอาด: ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำและก่อนเตรียมอาหารหรือรับประทานอาหาร
  • สุขอนามัยในครัว: แยกเขียงและอุปกรณ์สำหรับอาหารดิบและอาหารสุก และปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง
  • การจัดการอุจจาระ: ดูแลสุขภัณฑ์ให้สะอาดและถูกสุขลักษณะ
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วิบูลย์ศิริชัย
อายุรกรรมโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ

บทความ