บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่

ศูนย์ตรวจสุขภาพเคลื่อนที่

Mobile Check Up

โรงพยาบาลบางโพ ให้บริการตรวจสุขภาพบุคคลทั่วไป หรือ กลุ่มคณะ สำหรับบริษัท หน่วยงาน สถาบันการศึกษา ทั้งเอกชน และส่วนราชการ ด้วยมาตรฐาน และการบริการ เช่นเดียวกับภายในโรงพยาบาล ประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล นักเทคนิคการแพทย์ และทีมงานที่มีประสบการณ์ ผ่านการฝึกอบรมในการให้บริการห้องปฏิบัติการตรวจและวิเคราะห์เลือด ดำเนินการโดยห้องปฏิบัติการ (LAB) ของโรงพยาบาล ที่ได้มาตรฐาน ผ่านการรับรองมาตรฐาน Laboratory Accreditation (LA) จากสภาเทคนิคการแพทย์ จึงมั่นใจในคุณภาพ เพราะเราใช้มาตรฐานเดียวกันกับการรักษาคนไข้ในโรงพยาบาล

  เราให้คำปรึกษาในรายละเอียดรายการตรวจ ที่เหมาะสำหรับกลุ่มบริษัท โรงงงาน ซึ่งมีการผลิตที่แตกต่างกัน  เช่น การตรวจสมรรถภาพปอด  การตรวจสมรรถภาพการมองเห็น การตรวจสมรรถภาพการได้ยิน การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ การตรวจหาสารปรอท เป็นต้น  

การตรวจสุขภาพประจำปี

ให้บริการตรวจสุขภาพทั้งในโรงพยาบาล   และ ณ สถานที่ที่ลูกค้ากำหนด เช่น  บริษัท โรงงาน  สำนักงาน  ซึ่งท่านจะได้รับความสะดวกสบายในการรับบริการและไม่เสียเวลา ค่าใช้จ่าย ในการเดินทางมารับบริการที่โรงพยาบาล นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการด้านอื่นอีก เช่น การฝึกอบรมปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการให้ความรู้ด้านการฟื้นคืนชีพ  การอบรมให้ความรู้ต่างๆ ที่เป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มพนักงาน เช่น  Office syndrome เป็นต้น

การตรวจสุขภาพก่อนเข้าทำงาน 

ให้บริการสำหรับองค์กร บริษัท ที่ต้องการตรวจสุขภาพพนักงานก่อนเข้าทำงาน  ในราคากลุ่ม โดยส่งตัวมารับการตรวจในโรงพยาบาล และจะส่งผลการตรวจให้กับแผนกบุคคลโดยตรง

ผลงานที่ผ่านมาของศูนย์ตรวจสุขภาพเคลื่อนที่  รพ. บางโพ 

  • บริษัท ไทยเคเจเค จำกัด  จ.ชลบุรี                         150  คน
  • บริษัท ปทุมธานีคอนกรีต จำกัด (PACO)                      600  คน
  • โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค                                    600  คน
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี                      5,000 คน
  • มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าฯ พระนครเหนือ            5,500  คน (ตรวจต่อเนื่อง 3 ปีซ้อน ปี 2556, 2557 และ 2558)
  • สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล 900 คน
  • บริษัท Mfec Public Company Limited Co.Ltd 300 คน
  • บริษัท ฉื่อจิ้นฮั้ว จำกัด 600 คน
  • บริษัท วิสแพค จำกัด 100 คน
  • บริษัท ปริ๊น คาเฟ่ จำกัด 100 คน
  • บริษัท เอสซีจี ยามาโตะ เอ็กซ์เพรส จำกัด 100 คน (ตรวจในโรงพยาบาล)
  • สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม 196 คน (ตรวจในโรงพยาบาล)
  • สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ(องค์การมหาชน) 300 คน (ตรวจในโรงพยาบาล)
  • บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด SAM 140 คน (ตรวจในโรงพยาบาล)
  • สถาบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) 40 คน (ตรวจในโรงพยาบาล)
  • บริษัท เบ็ญจมาศ จำกัด 300 คน (ตรวจในโรงพยาบาล)
 

ติดต่อสอบถามได้ที่

แผนกตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ รพ.  บางโพ Tel. 02-587-0144 ต่อ 2110-3 มือถือ :   

 

บริษัทคู่สัญญา

บริษัทคู่สัญญา

Partner

โรงพยาบาลบางโพ ร่วมกับ องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน  บริษัท ห้างร้าน โรงเรียน ธนาคาร และอื่นๆ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวก สบาย  รวมถึงสิทธิประโยชน์กับกลุ่มบริษัทคู่สัญญา ทั้งนี้โรงพยาบาลตระหนัก ถึงสุขภาพเป็นสำคัญ

กลุ่มบริษัท

Corporation

กลุ่มธนาคาร

Bank

กลุ่มรัฐวิสาหกิจ

State Enterprise

กลุ่มมหาวิทยาลัย / โรงเรียน

School /University

คู่สัญญาบริษัทประกัน

บริษัทคู่สัญญา กลุ่มประกันสุขภาพ / ประกันชีวิต

Partner

โรงพยาบาลบางโพ พร้อมทุกความร่วมมือกับกลุ่มบริษัทประกันชีวิต ประกันสุขภาพ เพื่อให้ผู้ใช้บริการได้รับความสะดวกในการจัดการทางการแพทย์  เพื่อให้ท่านได้รับความรวดเร็วและสะดวกสบาย หากท่านต้องการสอบถามเกี่ยวกับความคุ้มครองของท่านเพียงแสดงบัตรประชาชน และบัตรประกันสุขภาพ แจ้งที่แผนกเวชระเบียน

วัคซีนสำหรับเด็ก 2 เดือน – 1 ปี

PACKAGE วัคซีนสำหรับเด็ก 2 เดือน - 1 ปี

วัคซีนรวมสำหรับเด็ก : 5,499.-


ทำไมคุณแม่ควรสร้างภูมิต้านทานให้ลูกน้อย และคำแนะนำเกี่ยวกับการฉีดวัคซีนป้องกันโรค

คุณแม่ควรเสริมสร้างภูมิต้านทานให้แก่ลูกน้อยเพราะระบบภูมิต้านทานของทารกแรกเกิดยังไม่แข็งแรง ทำให้ติดโรคต่างๆและเจ็บป่วยได้ง่าย ทั้งนี้ "วัคซีน" สามารถช่วยสร้างภูมิต้านทานและปกป้องลูกจากการเจ็บป่วยต่างๆได้

PACKAGE วัคซีนสำหรับเด็ก 2 เดือน - 1 ปี

การฉีดวัคซีน คือ การสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อป้องกันการติดต่อของโรคติดต่อร้ายแรง  วัคซีนผลิตจากเชื้อไวรัส หรือ เชื้อแบคทีเรียท่ีอ่อนตัวแล้ว หรือส่วนประกอบอื่นของเชื้อ เหล่านั้น ตัวของวัคซีนเองก่อให้เกิดอาการน้อยมาก แต่หากจะทําการสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย ซึ่งจะป้องกัน หรือช่วยลดความเสี่ยงของเด็กท่ีอาจป่วยเป็นโรคท่ีทําาการฉีด วัคซีนน้ันๆ
เหตุใดจึงต้องฉีดวัคซีน
จุดประสงค์ในการฉีดวัคซีนนั้นเพื่อป้องกันโรคติดต่อร้ายแรง โดยเฉพาะกับเด็ก การฉีดวัคซีนนั้นช่วยลดการแพร่ระบาด และลดผลกระทบท่ีร้ายแรงของโรคติดต่อ ในบางกรณี อาจจะกําจัดโรคได้หมด โรคในเด็กหลายโรค เช่น หัด คอตีบ ไอกรน และโปลิโอ ใน ปัจจุบันนี้ไม่ค่อยมีแล้ว โรคเหล่านี้เป็นสาเหตุท่ีพบบ่อยของการเสียชีวิตของเด็กอ่อน
PACKAGE วัคซีนสำหรับเด็ก 2 เดือน - 1 ปี ราคา 5,499 บาท
  • (2 เดือน) วัคซีนรวม 6 โรค (คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบและตับอักเสบบี เข็ม 2)
  • (4 เดือน) วัคซีนรวม 5 โรค (คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ)
  • (6 เดือน) วัคซีนรวม 6 โรค (คอตีบ ไอกรน บาดทะยัก โปลิโอ เยื่อหุ้มสมองอักเสบและตับอักเสบบี เข็ม 3)
  • (9 เดือน)  วัคซีนไข้สมองอักเสบ เข็ม 1
  • (12 เดือน) วัคซีนหัด หัดเยอรมัน คางทูม เข็ม 1
ไม่รวมค่าแพทย์ และค่าบริการโรงพยาบาล
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568
เงื่อนไขการเข้ารับบริการ
  • ราคาดังกล่าว ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
  • แพ็กเกจดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์และส่วนลดอื่นๆ ได้
  • ผู้เข้ารับบริการชำระค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาล ในวันที่เข้ารับบริการ
  • โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

โปรแกรมและแพ็คเกจ

        
โรคอุจจาระร่วงในเด็ก จากเชื้อไวรัสโรต้า

ปกป้องลูกน้อยให้ห่างไกล โรคปอดบวม ด้วยวัคซีน IPD 13 สายพันธุ์
        
วัคซีนป้องกันโรคมือ เท้า ปาก จากเชื้อ Enterovirus 71

DM Care ตรวจคัดกรองเบาหวาน

โปรแกรม “DM Care” ตรวจสุขภาพคัดกรองเบาหวาน

DM Care : 2,600.-

DM Yearly Care : 1,790.-


ชีวิตสดใส..ห่างไกลเบาหวาน กับโปรแกรมคุมเบาหวาน
การวินิจฉัยโรคเบาหวานได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น และให้การรักษาควบคุมระดับน้ำตาลให้ดีจะชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนเรื้อรังได้  ผู้ป่วยบางรายมีอาการชัดเจนแต่เพิ่งวินิจฉัยว่าเป็นเบาหวาน อาจพบโรคแทรกซ้อนร่วมด้วย เพราะเป็นโรคเบาหวานนานแล้วแต่ไม่เคยตรวจ    โรคเบาหวานรักษาไม่หายขาด แต่ถ้าปฏิบัติตัวดีสามารถควบคุมระดับน้ำตาลอยู่ในเกณฑ์เหมาะสม จะชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อน  ดังนั้นการรักษาสุขภาพและการคัดกรองภาวะเสี่ยงก่อนการเกิดโรคเป็นสิ่งจำเป็น

ชีวิตสดใส...ห่างไกลเบาหวาน

โรคเบาหวาน
โรคเบาหวานเป็นภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ  เกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้ได้ตามปกติ  ถ้าน้ำตาลในเลือดสูงอยู่เป็นเวลานานจะเกิดโรคแทรกซ้อนต่ออวัยวะต่างๆ  เช่น  ตา  ไต  และระบบประสาท  โรคเบาหวานสืบทอดทางกรรมพันธุ์ แต่ผู้ที่มีญาติสายตรง (พ่อ แม่ พี่ น้อง ) เป็นเบาหวาน ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคเบาหวานทุกคน  แต่มีปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ที่ก่อให้เกิดโรคเบาหวาน ได้แก่
  1. โรคอ้วน ทำให้การตอบสนองของเนื้อเยื่อร่างกายต่ออินสุลินไม่ดี
  2. ผู้สูงอายุ การสังเคราะห์และการหลั่งฮอร์โมนอินสุลินลดลง
  3. การได้รับยาบางชนิด สเตียรอยด์ ยาขับปัสสาวะ ยาคุมกำเนิดบางชนิด ทำให้มีการสร้างน้ำตาลมากขึ้น หรือการตอบสนองของอินสุลินไม่ดี
  4. การตั้งครรภ์ เนื่องจากมีการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมนจากรกหลายชนิดมีผลยับยั้งการทำงานของอินสุลิน
โปรแกรม DM Care คัดกรองเบาหวาน
การวินิจฉัยโรคเบาหวานได้ตั้งแต่ระยะเริ่มต้น สามารถให้การรักษาควบคุมระดับน้ำตาลให้ดี จะชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนเรื้อรังดังนั้นการรักษาสุขภาพโดยการคัดกรอง สำหรับผู้ที่มีภาวะเสี่ยงเป็นสิ่งจำเป็น ดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้

DM Care
ตรวจ 13 รายการ
ตรวจร่างกายโดยแพทย์ Physical Examination
ความสมบูรณ์ของเลือด CBC
ตรวจน้ำตาลในเลือด FBS
HbA1C
ตรวจการทำงานของตับ SGOT
ตรวจการทำงานของไต Creatinine
ตรวจไขมันในเลือด Cholesterol
Triglyceride
HDL
LDL
ตรวจปัสสาวะ Urine Microalbumin Exam
ตรวจภาวะอุดตันของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย Vascular Screening (ABI)
ตรวจสุขภาพเท้าโดยนักกายภาพ Monafilament Test
ราคาแพ็คเกจ 4,200.-
ราคาพิเศษ
2,600.-
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
ก่อนตรวจ กรุณางดน้ำและอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง ขึ้นไป
โปรแกรม DM Yearly Care เฝ้าระวังภาวะแทรกซ้อน
สำหรับผู้ที่กำลังรักษาโรคเบาหวาน เพื่อการเฝ้าระวังอย่างถูกวิธี ตามมาตรฐานทางการแพทย์การดูแลตัวเองอย่างถูกต้อง เพื่อรักษาและควบคุมระดับน้ำตาลให้คงที่จะชะลอการเกิดโรคแทรกซ้อนเรื้อรังควรพบแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อติดตามอาการ ตรวจวินิจฉัยรักษา และรับคำแนะนำ เพื่อความปลอดภัยและเพื่อสุขภาพที่ดีของท่าน

DM Yearly Care
รายการ
ตรวจสุขภาพโดยจักษุแพทย์ Eye Examination
ตรวจปัสสาวะ Urine Microalbumin Exam
ตรวจภาวะอุดตันของหลอดเลือดแดงส่วนปลาย Vascular Screening (ABI)
ตรวจสุขภาพเท้าโดยนักกายภาพ Monafilament Test
ราคาแพ็คเกจ 2,530.-
ราคาพิเศษ
1,790.-
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
แนะนำให้ตรวจอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
  • ราคาดังกล่าว รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาลแล้ว
  • แพ็กเกจดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์และส่วนลดอื่นๆ ได้
  • ผู้เข้ารับบริการชำระค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาล ในวันที่เข้ารับบริการ
  • โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
วันนี้ - 31 มีนาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรมเลเซอร์ลดปวด

โปรแกรมเลเซอร์ลดปวด

HIGH POWER LASER THERAPY

ต่อ 1 พื้นที่ : 800.-

(15 x 15 cm.)


เป็นการรักษาด้วยลำแสงกำลังสูง ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและเนื้อเยื่อ โดยลำแสงสามารถผ่านผิวหนังและลงสู่บริเวณที่มีอาการปวดหรืออักเสบ ประมาณ 6 เซนติเมตร
ลำแสงจะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของเนื้อเยื่อทันที ทำให้หายจากอาการปวด และอาการอักเสบ

การบำบัดอาการปวดด้วยเลเซอร์

HIGH POWER LASER THERAPY
เป็นการรักษาด้วยลำแสงกำลังสูง ไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังและเนื้อเยื่อ โดยลำแสงสามารถผ่านผิวหนังและลงสู่บริเวณที่มีอาการปวดหรืออักเสบ ประมาณ 6 เซนติเมตร
ลำแสงจะกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีของเนื้อเยื่อทันที ทำให้ร่างการหลั่ง
  • สารแอนตีโปรตาแกลนดิน ( Antiprostagladin )
    ส่งผลให้หายจากความเจ็บปวด
  • สารแอนตีเบต้าอินเตอร์ลิวคินวัน ( Antibeta interleukin 1 )
    ส่งผลให้หายจากการอักเสบของเนื้อเยื่อ
หากมีการทำอย่างสม่ำเสมอ จำทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระยะยาวคล้าย กับการชาร์จประจุให้กับเซลล์ เพื่อใช้ในการซ่อมสร้างตัวเองในระยะยาว
อาการที่สามารถรักษาด้วย Laser
  • ปวดหลังจากกระดูกทับเส้นประสาท (Spondylosis / Spondylithesis / HNP)
  • ปวดกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อผังผืด (Myofascial pain syndrome)
  • กล้ามเนื้ออักเสบ  (Muscle Strain)  เอ็นอักเสบ  (Tendinitis)
  • น้ิวล็อค  (Trigger finger)
  • ผังผืดฝ่าเท้าอักเสบ (Plantar fascitis)
  • ข้อเสื่อม  (Osteoarthritis) ข้ออักเสบ (Arthritis)
  • อาการบวม (Edema)
  • การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ (Carpal tunnel syndrome)
  • ปวดแขน ขา ในระยะฟื้น หลังจากบาดเจ็บเส้นประสาท
ข้อห้ามในการรักษา
  • บริเวณตาและบริเวณที่มีรอยสัก
  • บริเวณต่อมไทรอยด์ (Thyroid)
  • หญิงตั้งครรภ์ (บริเวณลำตัวและท้อง)
  • มีภาวะเลือดออก
  • ผู้ป่วยมะเร็ง มีเนื้องอก
  • ผู้ป่วยมีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง (SLE)
  • ผู้ป่วยที่มีโรคไตรุนแรง

ต่อ 1 พื้นที่

800.-


วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรมลดปวดด้วย Shockwave

การรักษาอาการปวดด้วย […]

โปรแกรม Office Syndrome ออฟฟิศ ซินโดรม

เลือกโปรแกรมที่เหมาะ […]

ทำอย่างไรห่างไกล โรคเบาหวาน / ไขมัน / ความดัน(สำหรับพระสงฆ์)

ทำอย่างไรห่างไกล โรคเบาหวาน / ไขมัน / ความดัน(สำหรับพระสงฆ์)

โรคเบาหวาน โรคไขมันและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต

โรคเบาหวาน

โรคไขมัน

Title
Title
Description

โรคความดันโลหิตสูง

โปรแกรมเหมาจ่าย ผ่านกล้องทางนรีเวช

โปรแกรมเหมาจ่าย ผ่านกล้องทางนรีเวช

โปรแกรมเหมาจ่าย ผ่านกล้องทางนรีเวช


ด้วยความก้าวหน้าและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทำให้การผ่าตัดมีประสิทธิภาพ ผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาที่ดีขึ้น มีแผลผ่าตัดเล็กลงเพียงขนาด 0.5-1.5 เซนติเมตร นอนพักในโรงพยาบาลน้อยลง สามารถกลับไปทำงานและใช้ชีวิตประจำวันได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ยังสามารตรวจวินิจฉัยโรค และดูอวัยวะในอุ้งเชิงกราน เช่น มดลูก ปีกมดลูก รวมทั้งสามารถทำการผ่าตัดได้ในขณะเดียวกัน

รายการ

รายละเอียดแพ็คเกจ

LAPARO 1


วินิจฉัยทางนรีเวชผ่านกล้อง

Diagnostic Laparoscopic Package
  • 2 วัน 1 คืน ระยะเวลาผ่าตัดไม่เกิน 1 ชั่วโมง

59,000.-

LAPARO 2


ผ่าตัดปีกมดลูก / ถุงน้ำในรังไข่ผ่านกล้อง

Laparoscopic Salpingo-Oophorectomy/Ovarian Cystectomy Package
  • 3 วัน 2 คืน ระยะเวลาผ่าตัดไม่เกิน 3 ชั่วโมง

95,000.-

LAPARO 3


ผ่าตัดเนื้องอกในมดลูกผ่านกล้อง

Laparoscopic Myomectomy Package
  • 3 วัน 2 คืน ระยะเวลาผ่าตัดไม่เกิน 3 ชั่วโมง

100,000.-

LAPARO 4


ผ่าตัดมดลูกผ่านกล้อง

Laparoscopic Hysterectomy Package (TLH or LAVH)
  • 4 วัน 3 คืน ระยะเวลาผ่าตัดไม่เกิน 4 ชั่วโมง

110,000.-

รายการที่ไม่รวมในโปรแกรมเหมาจ่าย

  1. กรณีนอนพักเกินจำนวนวันที่กำหนดไว้ในโปรแกรมหรือค่าห้อง ICU กรณีจำเป็นโรงพยาบาลจะคิดค่าใช้จ่ายส่วนเกินตามความเป็นจริง โดยยินดีมอบส่วนลดค่าห้องและค่ายา 10%
  2. กรณีผู้ป่วยเลือกอยู่ห้องพักที่ราคาสูงกว่าห้องพักที่กำหนดในโปรแกรมเหมาจ่าย โรงพยาบาลจะคิดค่าใช้จ่ายเฉพาะส่วนเกินจากค่าห้องที่กำหนดไว้ในโปรแกรม
  3. ค่าเวชภัณฑ์ ที่ไม่เกี่ยวกับการทำหัตถการครั้งนี้ ค่าอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็นต้องใช้เพิ่มพิเศษในการผ่าตัด
  4. ค่าใช้จ่ายในการให้เลือดและส่วนประกอบของเลือด
  5. กรณีใช้ระยะเวลาในการผ่าตัดเกินกว่าที่กำหนดในโปรแกรมเหมาจ่ายจะคิดค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 3,000 บาท หากระยะเวลาไม่เกิน 30 นาที จะไม่คิดค่าใช้จ่ายเพิ่ม
    หากเกิน 30 นาทีแต่ไม่เกิน 1 ชั่วโมง จะคิดเป็น 1 ชั่วโมง
  6. ค่าผ่าตัดอื่นๆ ที่นอกเหนือจากที่ระบุในโปรแกรมเหมาจ่ายจะคิดค่าใช้จ่ายตามความเป็นจริง โดยโรงพยาบาลยินดีมอบส่วนลดค่ายา 10%
  7. ค่ายาที่ผู้ป่วยต้องรักษาจากโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ค่าตรวจทางห้องปฏิบัติการ หรือการตรวจพิเศษที่จำเป็นสำหรับผู้ป่วยเฉพาะรายที่อยู่นอกเหนือ
    จากรายการในโปรแกรม
  8. ค่าใช้จ่ายอื่นๆ เช่น ค่าอาหารตามสั่ง ค่าโทรศัพท์ ค่าเครื่องดื่ม เป็นต้น
  9. กรณีมีภาวะแทรกซ้อน หรือพบอาการผิดปกติเพิ่มเติมนอกเหนือจากโปรแกรม โรงพยาบาลจะคิดค่าใช้จ่ายส่วนเกินตามความเป็นจริง โดยยินดีมอบส่วนลดค่าห้องและค่ายา 10%
  10. ค่ายาพิเศษ เช่น Hormone ที่อาจต้องใช้รักษาต่อเนื่องเฉพาะผู้ป่วยบางราย
  11. ค่าเวชภัณฑ์พิเศษที่อาจต้องใช้กับผู้ป่วยเมื่อกลับบ้าน
  12. ค่าแพทย์ที่ปรึกษาต่างสาขา ที่จำเป็นสำหรับการรักษาโรคอื่นๆ ของผู้ป่วยขณะอยู่ในโรงพยาบาล
หมายเหตุ
  1. ผู้ป่วยที่จะได้รับการผ่าตัดผ่านกล้องด้วยโปรแกรมเหมาจ่าย ต้องได้รับการพิจารณาความเหมาะสมโดยแพทย์ผ่าตัดเท่านั้น
  2. กรณีขณะผ่าตัดผ่านกล้องแต่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าท้องไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตาม จะคิดค่าใช้จ่ายเท่ากับราคาเหมาจ่ายของการผ่าตัด
    ผ่านกล้องชนิดนั้น โดยจำนวนวันและค่ารักษาที่เกินจากโปรแกรมเหมาจ่ายโรงพยาบาลจะคิดค่าใช้จ่ายส่วนเกินตามความเป็นจริง โดยยินดีลดค่าห้องและค่ายา 10%
  3. ราคาเหมาจ่าย ไม่สามารถใช้ร่วมกับโปรแกรมส่วนลดอื่นๆ
  4. โรงพยาบาลบางโพ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงราคาหรือข้อความใดๆ โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
เงื่อนไขการเข้ารับบริการ
  • ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้แพ็กเกจได้หลังจากตรวจวินิจฉัยเรียบร้อยแล้ว โดยค่าใช้จ่ายในการวินิจฉัยจัดเป็นค่าใช้จ่ายนอกแพ็กเกจ
  • แพ็กเกจดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์และส่วนลดอื่นๆ ได้ เช่น ผู้ถือหุ้น บริษัทคู่สัญญา และบริษัทประกัน
  • ผู้เข้ารับบริการชำระค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาล ในวันที่เข้ารับบริการ
  • โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
วันนี้ - 31 มีนาคม 2568

พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยรถ

พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยรถ

พรบ.อุบัติเหตุไม่ต้องสำรองจ่ายใช้สิทธิที่รพ.บางโพ แค่มี พ.ร.บ. สามารถใช้สิทธิ์รักษาพยาบาลได้ที่รพบางโพไม่ต้องสำรองจ่าย คุ้มครองไม่เกิน 30,000 บาท (คุ้มครองสูงสุดถึง 80,000 บาท) ตลอด 24 ชั่วโมง ให้ความคุ้มครองแก่ผู้ประสบภัยจากรถ ทุกคนที่ประสบภัยจากรถมอเตอร์ไซค์ รถยนต์คันที่ขับขี่หรือนั่งซ้อนท้ายมา รวมถึงคนเดินถนนที่ไม่ได้ขับขี่ ซ้อนท้ายหรือโดยสารในรถคันอื่นๆ โดยไม่ต้องรอสรุปผลทางคดี (หมายความว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุทำให้มีผู้บาดเจ็บ เสียชีวิต หรือสูญเสียอวัยวะ พ.ร.บ. จะคุ้มครองผู้ประสบภัยทุกคน ทันที)

เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับใช้สิทธิ์ พ.ร.บ.
  • สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน, ใบขับขี่, สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาตารางกรมธรรม์รถ (พ.ร.บ.) หรือ สำเนาทะเบียนรถ
  • รายการจดทะเบียนรถ
  • รายการเสียภาษี หรือ สติ๊กเกอร์ต่อภาษี
  • เลขเคลมจากบริษัทประกันภัย หรือ ใบติดต่อ
  • บันทึกประจำวันตำรวจ ระบุวัน, เวลา, สถานที่เกิดเหตุ, ชื่อผู้บาดเจ็บ และ ทะเบียนรถคันเกิดเหตุให้ชัดเจนเอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับผู้โดยสาร หรือ บุคคลนอกรถ
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับเด็ก
  • สูติบัตร, สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สำเนาบัตรประชาชนบิดา, มารดา

ค่าเสียหายต่อชีวิต - ร่างกายของผู้ประสบภัยอันเนื่องจากการใช้รถที่บริษัทประกันภัยต้องจ่ายโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความรับผิดชอบและให้ถือเป็นส่วนหนึ่งของสินไหมทดแทน

ค่าเสียหายเบื้องต้น
  • ค่ารักษาพยาบาลไม่เกิน
  • ค่าทุพพลภาพ / สูญเสียอวัยวะหรือค่าปลงศพ
  • ค่าสินไหมทดแทนสูงสุด (รวมค่าเสียหายเบื้องต้น) วงเงินสูงสุด
  • กรณีบาดเจ็บไม่เกิน
  • กรณีเสียชีวิต หรือ ทุพพลภาพถาวร
  • 30,000 บาท
  • 35,000 บาท
  • 304,000 บาท /คน
  • 80,000 บาท
  • 300,000 บาท
กรณีสูญเสียอวัยวะ
  • นิ้วขาด 1 ข้อขึ้นไป
  • สูญเสียอวัยวะ 1 ส่วน
  • สูญเสียอวัยวะ 2 ส่วน
  • ค่าชดเชยการรักษาตัว (ผู้ป่วยใน) 200 บาท/วัน ไม่เกิน 20 วัน
  • 200,000 บาท
  • 250,000 บาท
  • 300,000 บาท
  • 4,000 บาท

เงื่อนไขการเข้ารับบริการ

  • ความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้น กรณีประสบอุบัติเหตุจากรถไม่ต้องสำรองจ่ายในวงเงินไม่เกิน 30,000 บาท ทุกกรณี
  • พ.ร.บ. ต้องไม่หมดอายุ หรือ พ.ร.บ. ไม่ขาด กรณีหากเอกสารไม่ครบ นำบัตรประชาชนก็สามารถเบิกได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
แผนกประสานสิทธิ์
โทรศัพท์ 0-2587-0144 ต่อ 1227

เปิดเทอมกับชีวิตวิถีใหม่

เปิดเทอมกับชีวิตวิถีใหม

Back to School new normal style

ใกล้เปิดเทอมแล้วจ้า แต่เปิดเทอมรอบนี้ไม่ธรรมดา เพราะเป็นปีที่มีโรคระบาดใหม่อย่าง COVID-19 ระบาดตั้งแต่ช่วงต้นปี แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศไทยจะควบคุมได้ดีแต่ก็ต้องไม่ประมาท ใช้ชีวิตตามวิถีปกติใหม่ เด็กๆก็ต้องปรับตัวเช่นกัน คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองจะต้องเตรียมตัวลูกๆอย่างไรบ้าง เราไปดูกันเลย

  1. เกาะติดสถานการณ์ : คอยติดตามสถานการณ์การระบาดของโรค COVID-19 อยู่เสมอ จะได้ทราบมาตรการจากทางการ และสอนให้ลูกรู้จักโรค COVID-19 อย่างถูกต้อง
  2. คัดกรอง : สังเกตอาการป่วยของลูก ถ้ามีอาการไข้ ไอ น้ำมูก เจ็บคอ หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ ไม่รู้รสหรือกลิ่น ให้รีบแจ้งทางโรงเรียนทันทีและให้หยุดเรียนไว้ก่อน (ปัจจุบันขาดเรียนหรือกักตัวเด็กก็สามารถตามบทเรียนได้หลายช่องทาง ไม่ต้องกลัวตามเพื่อนไม่ทัน)
  3. หน้ากากอนามัยและของใช้ส่วนตัว : สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยอย่างถูกวิธี และเตรียมของใช้ส่วนตัวไปใช้ที่โรงเรียนแทนการใช้ของส่วนกลาง เช่น ช้อนส้อม แก้วน้ำ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ผ้าเช็ดหน้าหรือผ้าเช็ดมือ เป็นต้น
  4. ล้างมือบ่อยๆ : สอนลูกให้หลีกเลี่ยงการเอามือไปสัมผัสใบหน้า ขยี้ตา หรือแคะจมูก ซึ่งเป็นพฤติกรรมเสี่ยง
    ที่ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย และให้ล้างมือทุกครั้งที่จับบริเวณที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ลูกบิดประตู ราวบันได และก่อนรับประทานอาหาร โดยล้างมือด้วยน้ำกับสบู่ หรือเจลแอลกอฮอล์ที่มีความเข้มข้น 70% ขึ้นไปอย่างน้อยนาน 20 วินาที (ร้องเพลงแฮปปี้เบิร์ธเดย์ 2 รอบ) และหลังกลับจากโรงเรียนให้รีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันที
  5. เว้นระยะห่าง : หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดและเว้นระยะห่างระหว่างบุคคลอย่างน้อย 1-2 เมตร ในการทำกิจกรรมระหว่างเรียน ช่วงพัก และหลังเลิกเรียน เช่น นั่งกินอาหาร ออกกำลังกาย เข้าแถวต่อคิว เป็นต้น
  6. ทำความสะอาด : ปลูกฝังให้หมั่นทำความสะอาดบริเวณที่สัมผัสบ่อยๆ และบริเวณที่ใช้ทำกิจกรรม รวมถึงอุปกรณ์การเรียน เช่น กระเป๋านักเรียน ผู้ปกครองอาจเตรียมแอลกอฮอล์สเปรย์สำหรับทำความสะอาดติดตัวไปโรงเรียนด้วยถ้าทำได้
  7. ดูแลสุขภาพให้แข็งแรง : เตรียมร่างกายลูกให้แข็งแรง กินอาหารครบ 5 หมู่ ที่สุก สะอาด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่าลืมเพิ่มพลังด้วยอาหารมื้อเช้าก่อนเข้าเรียน (แนะนำให้รับประทานอาหารเช้าจากบ้าน หากจำเป็นต้องรับประทานที่โรงเรียนแนะนำให้จัดเตรียมเป็น Box set จากบ้านแทนการซื้อที่โรงเรียน)
  8. ความเจ็บป่วยไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย : สอนลูกเสมอว่าไม่มีใครอยากป่วย ไม่ควรล้อเลียนความผิดปกติหรืออาการไม่สบายของเพื่อน เนื่องจากอาจจะทำให้เกิดความหวาดกลัวเกินเหตุ หรือเกิดการแบ่งแยก กีดกัน หรือตีตราในหมู่นักเรียน ควรแสดงความเห็นอกเห็นใจ
    ถ้าทำได้ตามนี้ ลูกๆก็จะมีเกราะป้องกันโรค COVID-19 พร้อมสำหรับเปิดเทอม เชื่อว่าไม่ยากเกินไปสำหรับทุกครอบครัว และอย่าลืมป้องกันโรคอื่นๆที่ขอให้ทุกท่านสุขภาพดี
พญ.ขวัญจันทร์ ขัมพานนท์

กุมารแพทย์ทั่วไป โรงพยาบาลบางโพ

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โรคอุจจาระร่วงในเด็ก จากเชื้อไวรัสโรต้า

โรคอุจจาระร่วงในเด็ก จากเชื้อไวรัสโรต้า

Rotarix : หยอด 2 ครั้ง : 2,390.-

Rotateq : หยอด 3 ครั้ง : 2,590.-


ลูกคือคนสำคัญของพ่อ แม่
เราจึงเลือกการป้องกันที่แท้จริง
และครอบคลุม

โรคท้องเสียหรืออุจจาระร่วงหรือท้องเดินเป็นปัญหาความเจ็บป่วยที่พบได้บ่อยที่สุดในเด็กโดยเฉพาะช่วงอากาศเย็นๆแบบนี้จะมีเด็กป่วยท้องเสียกันเป็นจำนวนมากทำให้เด็กป่วยเสียคุณภาพชีวิต พ่อแม่เสียเวลาต้องมาเฝ้าดูแล และยังระบาดไปถึงคนในครอบครัวรวมทั้งผู้ใหญ่ด้วย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยจึงขอเสนอสาระความรู้เกี่ยวกับเรื่องท้องเสียมาให้รู้จักกันเพื่อปฏิบัติได้ถูกต้อง
โรคท้องเสียเกิดจากอะไร
โรคท้องเสียที่พบในเด็กมีสาเหตุหลักมาจากการติดเชื้อไวรัสรองลงมาคือการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้ออื่นๆ เช่น เชื้อปรสิตอาหารเป็นพิษจากสารพิษในสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนในอาหารหรือสารพิษที่สร้างขึ้นจากเชื้อแบคทีเรีย นอกจากนี้แล้วท้องเสียยังอาจเกิดจากการได้รับยาบางชนิด ชาวบ้านอาจบอกว่า เด็กท้องเสียเพราะเด็กยืดตัว แต่แท้จริงแล้วไม่ใช่
ไวรัสโรต้า สำคัญอย่างไร
จากข้อมูลทางระบาดวิทยาของประเทศไทยและทั่วโลกพบว่ามากกว่าร้อยละ 90 ของโรคท้องเสียในเด็กเกิดจากเชื้อไวรัสเช่นไวรัสโรต้า เอ็นเตอโรไวรัสโนโรไวรัสอะดีโนไวรัสรวมทั้งไวรัสอื่นๆ ที่ทำให้เกิดโรคหวัดก็อาจก่อให้เกิดอาการท้องเสียได้ทั้งหมดนี้ไวรัสตัวที่สำคัญคือไวรัสโรต้า เนื่องจากเป็นไวรัสที่ทำให้เกิดอาการท้องเสียได้รุนแรงมากที่สุด ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมากกว่าไวรัสตัวอื่นๆ โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กเล็กจะรุนแรงมากกว่าเด็กโตประมาณครึ่งหนึ่งของเด็กที่ท้องเสียรุนแรงจนต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลเกิดจากการติดเชื้อไวรัสโรต้า เด็กที่เคยท้องเสียจากไวรัสโรต้า อาจเป็นซ้ำได้เพราะไวรัสโรต้านี้มีหลายสายพันธุ์ แต่อาการมักไม่หนักเท่ากับการเป็นครั้งแรก นอกจากนี้ ไวรัสโรต้ายังสามารถแพร่กระจายเชื้อได้เร็วกว่าเพราะอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานกว่า เป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยเฉพาะช่วงที่อากาศเย็น และผู้ป่วยเหล่านี้สามารถขับถ่ายเชื้อได้ในปริมาณมากหลายล้านตัว เป็นเวลานานเป็นสัปดาห์แต่เชื้อเพียง 10 ตัวก็ก่อนโรคได้แล้ว แม้ว่าไวรัสโรต้ามักเกิดปัญหาในเด็กแต่ก็อาจก่อปัญหาในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุได้และอาจมีอาการรุนแรงได้เช่นกัน
  • ไวรัสโรต้าเป็นเชื้อไวรัส ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงที่รุนแรงในเด็กทารกและเด็กเล็ก
  • ไวรัสนี้ระบาดได้ตลอดทั้งปีและพบมากขึ้นในช่วงอากาศเย็น ฤดูหนาว
  • ไวรัสโรต้าติดต่อกันได้ง่ายเข้าสู่ปากโดยการรับประทานอาหารและน้ำ หรือปนเปื้อนมากับมือ จากการสัมผัสสิ่งของ เครื่องใช้ หรือของเล่นต่างๆ
  • ไวรัสนี้สามารถมีชีวิตอยู่บนมือและสิ่งแวดล้อมได้นานจึงเกิดการแพร่กระจายและระบาดได้ง่าย
  • ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโรต้าชนิดรับประทานมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงเด็กเล็กควรได้รับการหยอดวัคซีนก่อนอายุ 4 เดือน

โรต้า 1 สายพันธุ์

หยอด 2 ครั้ง : 2,390.-

อายุ 2 และ 4 เดือน
ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล

โรต้า 5 สายพันธุ์

หยอด 3 ครั้ง 2,590.-

อายุ 2,4 และ 6 เดือน
ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
วัคซีนทั้งสองชนิด สามารถเริ่มให้ครั้งแรกได้เมื่ออายุ 6-15 สัปดาห์ และครั้งสุดท้ายอายุไม่เกิน 8 สัปดาห์
ขนาดและวิธีใช้
  1. ให้กิน ถ้าเป็น Rotarix ให้ 2 ครั้ง แนะนำตอนอายุ 2, 4 เดือน สำหรับ Rotateq ให้ 3 ครั้ง แนะนำให้ตอนอายุ 2, 4, 6 เดือน (วัคซีนทั้ง 2 ชนิดสามารถเริ่มให้ครั้งแรกได้เมื่ออายุ  6-15 สัปดาห์ และครั้งสุดท้ายอายุไม่เกิน 8 เดือน แต่ละครั้งห่างกันไม่น้อยกว่า 4 สัปดาห์)
  2. ควรให้วัคซีนชนิดเดียวกันจนครบ หากจำเป็นต้องใช้วัคซีนต่างชนิดกันในแต่ละครั้ง หรือไม่ทราบชนิดของวัคซีนที่ได้รับในครั้งก่อน ต้องให้วัคซีนทั้งหมด 3 ครั้ง
  3. สามารถให้วัคซีนโรต้าร่วมกับวัคซีนโปลิโอชนิดกินได้
  4. ห้ามใช้วัคซีนนี้ในผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง Severv combined immune deficiency (SCID) และในเด็กที่มีประวัติลำไส้กลืนกัน
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ