โปรแกรมตรวจสุขภาพดวงตา

โปรแกรมตรวจสุขภาพดวงตา

EYE CHECK PROGRAM

โปรแกรมตรวจสุขภาพดวงตา
ตรวจ 7 รายการ : 900.-
ตรวจ 8 รายการ : 1,299.-


โปรแกรมตรวจสุขภาพดวงตา

EYE CHECK PROGRAM
การตรวจสุขภาพตาเป็นการตรวจวินิจฉัยอย่างครอบคลุมเพื่อประเมินสุขภาพดวงตาของคุณ จักษุแพทย์จะตรวจหาความผิดปกติของดวงตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน จอประสาทตาเสื่อม และความผิดปกติของการหักเหของแสง เป็นต้น

เราควรตรวจสุขภาพตาเป็นประจำ ความถี่ในการตรวจจะขึ้นอยู่กับอายุและความเสี่ยงต่อปัญหาเกี่ยวกับดวงตาของคุณ ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว ควรตรวจสุขภาพตาอย่างน้อยปีละครั้ง การตรวจสุขภาพตาเป็นสิ่งสำคัญ สามารถช่วยตรวจจับปัญหาเกี่ยวกับดวงตาได้ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อการรักษาตั้งแต่
ใครบ้างที่ควรตรวจสุขภาพตา
EYE CHECK PROGRAM
  • ผู้ที่ทำงานใช้สายตามาก เช่น ผู้ที่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ หรือ ใช้มือถือเป็นประจำ
  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคตา
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน,ความดันโลหิตสูง,โรคข้อและโรคระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง
  • ผู้ที่ใช้ยาบางชนิด เช่น วัณโรค,ยากดภูมิ,กลุ่มยาสเตียรอยด์
  • ผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์

รายการตรวจสุขภาพดวงตา
Program 1
7 รายการ
Program 2
8 รายการ
ตรวจตาโดยจักษุแพทย์
Eye Examination
ตรวจวัดความดันโลหิต ชีพจร น้ำหนัก ส่วนสูง
ตรวจสุขภาพสายตา การมองเห็น
Visual Acuity: VA
ตรวจความดันลูกตา
Tonometer
ตรวจตาด้วย Slit Lamp
ตรวจวัดสายตา สั้น ยาว ด้วยเครื่องอัตโนมัติ
Autorefractor
คัดกรองตาบอดสี
Ishihara’s Test
ขยายม่านตา ดูจอประสาทตา
หมายเหตุ : แนะนำให้พาญาติมาด้วยเพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง และไม่แนะนำให้ขับขี่ยานพาหนะกลับด้วยตนเอง
ราคาแพ็คเกจ
900.-
1,299.-
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
เงื่อนไข
  1. ราคารวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
  2. เพื่อความสะดวกในการรับบริการโปรดนัดหมายล่วงหน้าอย่างน้อย 1-2 วัน
  3. หลีกเลี่ยงการแต่งหน้าบริเวณดวงตา เช่น ติดขนตาปลอม ใช้อายไลน์เนอร์เขียนขอบตา
  4. หากท่านสวมแว่นตา มียาหยอดตา หรือยาที่ใช้เป็นประจำ กรุณานำมาด้วย
  5. แจ้งให้แพทย์ทราบถึงโรคประจำตัว ประวัติการรักษาโรคต่างๆ และยารักษาโรคทุกชนิดที่กำลังใช้อยู่ เพราะอาจเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อสายตา หรือสุขภาพตา
  6. หากมีการขยายม่านตา ไม่ควรขับรถมาเอง โดยควรเตรียมแว่นกันแดดหรือหมวกปีกกว้างมาใส่ตอนกลับ เพราะหลังขยายม่านตาจะมีอาการพร่ามัว สู้แสงลำบาก
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรม Office Syndrome ออฟฟิศ ซินโดรม

เลือกโปรแกรมที่เหมาะสมกับคุณ :

โปรแกรม Light Office เริ่มต้นเพียง 4,750.-

โปรแกรม Hard Office เริ่มต้นเพียง 5,750.-


ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานในออฟฟิศ ต้องนั่งทำงานตลอดเวลาเคลื่อนไหวร่างกายน้อย และอยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงาน ที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ หรือ ปวดร้าวขึ้นศีรษะแสดงว่าคุณกำลังประสบปัญหา
“ออฟฟิศซินโดรม”

โปรแกรมลดอาการ ออฟฟิศ ซินโดรม

Office Syndrome   
ออฟฟิศซินโดรม
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ทำงานในออฟฟิศ ต้องนั่งทำงานตลอดเวลาเคลื่อนไหวร่างกายน้อย และอยู่ในสภาพแวดล้อมการทำงาน
ที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้เกิดอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อคอ บ่า ไหล่ แขน ข้อมือ หรือ
ปวดร้าวขึ้นศีรษะแสดงว่าคุณกำลังประสบปัญหา “ออฟฟิศซินโดรม”
โปรแกรม Light Office
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดคอ บ่า สะบัก และเวียนศีรษะมาก
  • High power laser 10 นาที
  • Ultrasound 14 นาที
  • Stretching ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  • Hotpack ประคบร้อน
โปรแกรม Hard Office
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตึงรั้งหนักคอ บ่า สะบักอย่างมาก
  • PMS 15 นาที
  • Ultrasound 14 นาที
  • Stretching ยืดเหยียดกล้ามเนื้อ
  • Hotpack ประคบร้อน
รายการ
Course 3 ครั้ง
Course 5 ครั้ง
โปรแกรม Light Office
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดคอ บ่า สะบัก และเวียนศีรษะมาก
4,750.-
ปกติ 5,100.-
7,650.-
ปกติ 8,500.-
โปรแกรม Hard Office
เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตึงรั้งหนักคอ บ่า สะบักอย่างมาก
5,750.-
ปกติ 6,150.-
9,250.-
ปกติ 10,250.-
เงื่อนไขการเข้ารับบริการ
  • ราคาแพ็กเกจรวมค่าประเมินอาการโดยนักกายภาพบำบัดและค่าบริการโรงพยาบาล
  • ราคาแพ็กเกจไม่รวมค่าตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์ ในการเข้ารับบริการครั้งแรก
  • กรุณาใช้บริการภายใน 90 วัน นับจากวันที่ซื้อ
    แพ็กเกจดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์และส่วนลดอื่นๆ ได้
  • ขอสงวนสิทธิ์ใช้เฉพาะผู้ที่ชำระเงินเท่านั้น และไม่สามารถคืนเงินได
  • โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
วันนี้ - 31 พฤษภาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

รักษาโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

รักษาโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

รักษาโรคภูมิแพ้ด้วยคลื่นวิทยุ : 20,000.-


การรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยคลื่นวิทยุ เป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้เป็นโรคภูมิแพ้

รักษาโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบด้วยคลื่นความถี่วิทยุ

โรคภูมิแพ้
โรคภูมิแพ้ หรือโรคจมูกอักเสบเรื้อรัง ถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อยโรคหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับคนเมือง สาเหตุของโรค เกิดจากเยื่อบุจมูกมีความไวผิดปกติเมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการของโรคที่สามารถสังเกตได้ เช่น คันจมูก จามติดต่อกันหลายครั้ง มีน้ำมูกใสไหลตลอดเวลา เสมหะไหลลงคอ จมูกไม่ได้กลิ่นหรือได้กลิ่นลดลง หรืออาจมีอาการอื่นๆ เช่น คันตา คันคอ คันหู หรือคันที่เพดานปาก ปวดศีรษะ ปวดหู หูอื้อ เป็นต้น โดยทั่วไปผู้ป่วยมักบรรเทาอาการด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ร่วมกับการใช้ยารับประทาน การใช้ยาพ่นจมูก และการใช้น้ำเกลือล้างจมูก กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาอย่างเต็มที่แล้วนั้นปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุมาใช้ในการผ่าตัด เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีหลังการรักษา
วิธีการรักษา
  • แพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะที่ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
  • ใช้เวลาในการทำการรักษาประมาณ 20 นาที
  • ลดอาการคัน จาม น้ำมูกไหล และเสมหะในคอจะเห็นผลชัดเจนใน 4-6 สัปดาห์
  • ผลนั้นคงอยู่ได้นานถึง 1-2 ปี
เงื่อนไขการเข้ารับบริการ
  • ราคาแพ็กเกจรวมหัตถการรักษาโรคภูมิแพ้ด้วยคลื่นวิทยุ RF ไม่รวมค่าตรวจวินิจฉัยทางการแพทย์และค่ายากลับบ้าน
  • แพ็กเกจดังกล่าวไม่สามารถใช้ร่วมกับสิทธิ์และส่วนลดอื่นๆ ได้ เช่น ผู้ถือหุ้น บริษัทคู่สัญญา บริษัทประกัน
  • กรณีใช้สิทธิประกัน โรงพยาบาลตรวจสอบสิทธิ์ความคุ้มครอง และจัดการเรื่องเอกสารให้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของบริษัทประกัน
  • ผู้เข้ารับบริการชำระค่าใช้จ่าย ณ โรงพยาบาล ในวันที่เข้ารับบริการ
  • โรงพยาบาลขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงเงื่อนไข โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

PACKAGE ฝังยาคุมกำเนิด

PACKAGE ฝังยาคุมกำเนิด

Contraceptive Implant

แพ็กเกจฝังยาคุมกำเนิด ชนิด 3 ปี : 6,990.-

ป้องกันได้ ถ้ายังไม่พร้อม


การตั้งครรภ์ไม่พร้อม การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร หรือการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น อาจเป็นปัญหาในภายหน้า ทางเลือกป้องกันการตั้งครรภ์ คือการคุมกำเนิด ซึ่งในปัจจุบัน มีมากมายหลายวิธีให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยแต่ละวิธีก็จะให้ผลที่แตกต่างกันออกไป

PACKAGE ฝังยาคุมกำเนิด

Contraceptive Implant
“ป้องกันได้ ถ้ายังไม่พร้อม” การตั้งครรภ์ไม่พร้อม การตั้งครรภ์ก่อนวัยอันควร หรือการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น อาจเป็นปัญหาในภายหน้า ทางเลือกป้องกันการตั้งครรภ์ คือการคุมกำเนิด ซึ่งในปัจจุบัน มีมากมายหลายวิธีให้เลือกตามความเหมาะสมของแต่ละบุคคล โดยแต่ละวิธีก็จะให้ผลที่แตกต่างกันออกไป
การฝังยาคุมกำเนิดคืออะไร
การฝังยาคุมกำเนิดเป็นวิธิการคุมกำเนิดแบบชั่วคราวประเภทหนึ่ง โดยนำหลอดบรรจุฮอร์โมนขนาดเล็ก ยาวประมาณ 3 เซนติเมตร โดยฝังแท่งยาใต้ชั้นผิวหนัง บริเวณใต้ท้องแขนด้านใน ใช้เวลาในการฝังประมาณ 3-10 นาที ซึ่งสามารถคุมกำเนิดนาน 3 ปี ควรเริ่มฝังยาภายใน 7 วันแรกของการมีรอบเดือน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการใช้ยาฝังคุมกำเนิด มีกลไกในการป้องกันการตั้งครรภ์ คือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งการตกไข่เพื่อทำให้ปากมดลูกมีมูกเหนียวข้น เชื้ออสุจิเคลื่อนตัวเข้ามาในโพรงมดลูกได้ยาก รวมถึงทำให้โพรงมดลูกบางซึ่งไม่เหมาะต่อการฝังตัวของตัวอ่อน หากต้องการยุติการคุมกำเนิดหรือเปลี่ยนไปใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่น สามารถนำแท่งยาคุมออกเมื่อใดก็ได้ และสามารถมีบุตรได้เมื่อร่างกายกลับสู่ภาวะปกติ โดยจะมีการตกไข่กลับมาภายใน 3 สัปดาห์
ข้อดีของยาฝังคุมกำเนิด
  1. ป้องกันการตั้งครรภ์ 99.9%
  2. ฝังยาช่วยลดอาการปวดประจำเดือน ลดภาวะประจำเดือนมามาก
  3. ไม่ต้องกังวล เรื่องการตั้งครรภ์ หรือปัญหาลืมกินยาเม็ดคุมกำเนิด
  4. ใช้ในสตรีให้นมบุตรได้ โดยไม่มีผลต่อปริมาณ และคุณภาพของน้ำนม เมื่อหยุดการใช้ยาฝังคุมกำเนิดจะสามารถกลับสู่ภาวะเจริญพันธุ์ได้เร็ว
หมายเหตุ
  • ราคาแพ็กเกจไม่รวมค่ายากลับบ้านและค่าตรวจการตั้งครรภ์
  • สามารถฝังยาคุมได้ภายใน 5 วันแรกของการมีประจำเดือน หรือหลังคลอด 4-6 สัปดาห์
  • หลังแท้งบุตรธรรมชาติทันที หรือ 2-3 สัปดาห์
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

Baby Delivery Package

Normal Delivery Pack […]

PACKAGE ฝังยาคุมกำเนิด

แพ็กเกจฝังยาคุมกำเนิ […]

ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ STD

โปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Sexually Transmitted Diseases (STDS)

ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์


กลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคหรือคนที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เดิมมีชื่อว่า “กามโรค” (venereal diseases) ในปัจจุบันมีการค้นพบโรคในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” (sexually transmitted infections, STIs) โรคที่สำคัญคือ ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม เริม และเอชพีวี ดังนั้นควรตรวจคัดกรองโรคปีละครั้ง สำหรับกลุ่มที่เสี่ยง

โปรแกรมตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

Sexually Transmitted Diseases (STDS)

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ คือกลุ่มโรคที่เกิดจากการติดต่อผ่านทางเพศสัมพันธ์กับคนที่เป็นโรคหรือคนที่ติดเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นการร่วมเพศทางช่องคลอด ทางปาก หรือทางทวารหนัก เดิมมีชื่อว่า “กามโรค” (venereal diseases) ในปัจจุบันมีการค้นพบโรคในกลุ่มดังกล่าวเพิ่มขึ้นจึงเปลี่ยนชื่อเป็น “โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” (sexually transmitted infections, STIs) โรคที่สำคัญคือ ซิฟิลิส หนองในแท้ หนองในเทียม เริม และเอชพีวี

ใครเสี่ยงที่จะติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ 

คนที่มีกิจกรรมทางเพศบ่อย มีคู่นอนหลายคน อายุน้อย ไม่ใส่ถุงยางอนามัยเวลามีเพศสัมพันธ์ เคยมีประวัติเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในอดีต ดื่มสุรา และใช้สารเสพติด

สามารถติดโรคจากคนที่ไม่มีอาการ ภายนอกดูแข็งแรงปกติ ได้หรือไม่
ในบางระยะของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการผิดปกติ ทำให้ไม่ทราบว่าตนเองมีเชื้ออยู่ แต่สามารถแพร่กระจายเชื้อไปสู่คู่นอนได้ การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ใส่ถุงยางอนามัยแม้เพียงครั้งเดียว ก็สามารถทำให้ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รวมถึงเชื้อเอชไอวีได้

จะปฏิบัติตัวอย่างไร เมื่อสงสัยว่าอาจติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เมื่อพบว่ามีอาการผิดปกติที่สงสัยว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือเพิ่งมีความเสี่ยงในการติดโรค ควรรีบปรึกษาแพทย์ และงดการมีเพศสัมพันธ์ชั่วคราวเพื่อลดการแพร่กระจายเชื้อไปยังบุคคลอื่นจนกว่าจะทราบผลการตรวจ ถ้าแพทย์วินิจฉัยว่าเป็นโรคควรงดการมีเพศสัมพันธ์ จนกว่าจะได้รับการรักษาจนหาย และแนะนำให้คู่นอนในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา เข้ารับการตรวจรักษาด้วย 

โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ รักษาให้หายขาด
โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียสามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยการกินหรือฉีดยาปฏิชีวนะให้ครบตามแพทย์สั่ง และให้ความสำคัญกับการพาคู่นอนมารับการตรวจรักษา ส่วนโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบางชนิดจะอยู่ในร่างกายตลอดชีวิต เช่น เริม การรักษาจะช่วยควบคุมอาการโรคได้ แต่การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เอชพีวี ร่างกายอาจกำจัดเชื้อได้เอง หากกำจัดไม่ได้เชื้ออาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งในอนาคต 
ข้อมูลอ้างอิง สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย
ตรวจโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
Sexually Transmitted Diseases (STDS)
ด้วยเทคนิค REAL-TIME PCR ทราบผลภายใน 5 วัน
รายการตรวจ
STD 1
7 ชนิด
STD 2
14 ชนิด
STD 3
7 ชนิด + HIV
STD 4
14 ชนิด + HIV
Neisseria gonorrhoeae
โรคหนองในแท้
Chlamydia trachomatis
โรคหนองในเทียม
Mycoplasma hominis
โรคหนองในเทียม
Mycoplasma genitalium
โรคหนองในเทียม
Ureaplasma urealyticum
โรคหนองในเทียม
Ureaplasma parvum
โรคหนองในเทียม
Trichomonas vaginalis
พยาธิในช่องคลอด
Herpes simplex virus types 1 (HSV-1)
โรคเริม
Herpes simplex virus types 2 (HSV-2)
โรคเริม
Treponema pallidum
โรคซิฟิลิส
Haemophilus ducreyi
โรคแผลริมอ่อน
Candida albicans
โรคเชื้อราในช่องคลอด
Gardnerella vaginalis
ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
Group B Streptococcus
ติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด
HIV
การตรวจเลือดหาเชื้อเอชไอวี
ราคาแพ็คเกจ
1,990.-
3,333.-
2,190.-
4,190.-
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
หากตรวจพบความผิดปกติ แพทย์อาจพิจารณาให้รับยา ซึ่งจะมีค่าบริการเพิ่ม ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพทย์ประเมิน
ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ
ผู้ที่เหมาะกับบริการนี้
  • มีอาการผิดปกติที่อาจติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น คัน เป็นผื่น ตุ่ม เป็นฝี มีหนองไหล หรือเจ็บป่วยที่อวัยวะเพศ ปัสสาวะแสบขัด มีตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน เช่น ไม่ได้ใช้ถุงยางอนามัย ถุงยางอนามัยรั่ว แตก หลุด หรือฉีดขาดขณะมีเพศสัมพันธ์
  • มีพฤติกรรมการมีเพศสัมพันธ์ที่มีความเสี่ยง เช่น เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีคู่นอนหลายคน มีคู่นอนที่เสี่ยงต่อการติดโรค
  • ผู้ที่วางแผนแต่งงาน วางแผนการมีบุตร หรือ ต้องการตรวจ ก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนรักและทารกในครรภ์
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
  • สามารถทานอาหารมาก่อนเข้าตรวจได้ตามปกติ
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนตรวจสุขภาพ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง
  • หลีกเลี่ยงการตรวจช่วงที่มีประจำเดือน ควรรอตรวจหลังจากที่ประจำเดือนหมดไปแล้วอย่างน้อย 7 วัน
  • ห้ามตรวจภายในมาก่อนในช่วง 24 ชั่วโมง เพราะอาจมีสารหรือยาไปปนเปื้อนอยู่
  • ห้ามใช้ผ้าอนามัยชนิดสอด ครีมหรือยา ที่ใช้ทางช่องคลอดอื่น ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง
  • ห้ามล้างหรือทำความสะอาดในช่องคลอดภายใน 48 ชั่วโมงก่อนมาตรวจ เพราะอาจไม่มีเซลล์เหลือให้ตรวจ
  • ห้ามมีเพศสัมพันธ์ก่อนมารับการตรวจ 48 ชั่วโมง
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

CYBERDYNE หุ่นยนต์ฟื้นฟู กล้ามเนื้ออ่อนแรง

CYBERDYNE หุ่นยนต์ฟื้นฟู กล้ามเนื้ออ่อนแรง

HAL® หรือ Hybrid Assistive Limb
HAL® หรือ Hybrid Assistive Limb ไซเบอร์ไดน์ หุ่นยนต์ประเภทไซบอร์กตัวแรกของโลกที่ใช้ในทางการแพทย์ สำหรับผู้ที่มีความผิดปกติในช่วงล่างและผู้ที่มีขาอ่อนแรง HAL จะช่วยเป็นผู้นำทางให้ผู้ป่วยไปสู่การเดินได้ ด้วยการผสานการทำงานระหว่างสมองมนุษย์ กับ หุ่นยนต์
การทำงานของ HAL หรือหุ่นยนต์ไซบอร์ก Cyberdyne แตกต่างจากหุ่นยนต์ทั่วไปที่ใช้ระบบสั่งการด้วยปุ่ม หรือรีโมตคอนโทรล หุ่นยนต์ไซบอร์ก Cyberdyne ใช้ระบบปฏิบัติการแบบผสมผสาน ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของหุ่นยนต์ Cyberdyne โดยผู้ป่วยจะสั่งการให้แขนขาขยับ HAL จะดักจับสัญญาณความคิดของผู้ป่วย และให้การช่วยเหลือมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับการตั้งค่าของแพทย์กายภาพ วิธีนี้จะทำให้มีการฟื้นฟูวงจรเคลื่อนไหวตามธรรมชาติให้กลับมาได้เร็วขึ้น ต่างจากหุ่นยนต์กายภาพโดยทั่วไปซึ่งไม่สามารถดักจับสัญญาณความคิดของผู้ป่วย แต่เป็นการทำงานช่วยเหลือในการเคลื่อนไหวเพียงอย่างเดียวทำให้ประสิทธิภาพต่ำกว่าในการฟื้นฟูผู้ป่วย
การทำงานของ CYBERDYNE
01 THINK
First of all, think "I want to walk!"
คิด ให้คิดว่า "ฉันอยากเดิน!"
เริ่มจากให้สมองเราคิดขึ้นมาในสมองว่า "ฉันอยากเดิน" เพราะก่อนที่คนเราจะขยับร่างกาย สมองจะต้องสั่งการก่อนเป็นอันดับแรก เมื่อเริ่มคิดว่า "ฉันอยากเดิน" สมองจะส่งสัญญาณ (Signal) ไปยังกล้ามเนื้อเพื่อให้เกิดการเคลื่อนไหวโดยผ่านไปยังเส้นประสาทต่างๆ (Nerves)
02 SEND
Receiving the signals, muscles move.
ส่ง : เมื่อรับสัญญาณ กล้ามเนื้อจะเคลื่อนไหว
ขั้นตอนต่อไป คือ การส่งสัญญาณจากสมองไปยังกล้ามเนื้อ กรณีคนที่มีสุขภาพเป็นปกติ กล้ามเนื้อแต่ละมัดจะสามารถสนองสัญญาณจากสมองได้อย่างแข็งแรงและรวดเร็วตามที่ใจเราคิด สำหรับการเดินเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน เพราะสมองต้องควบคุมกล้ามเนื้อหลายมัด ซึ่ง HAL สามารถตอบสนองสัญญาณจากสมองได้เช่นเดียวกับ กล้ามเนื้อ
03 READ
HAL reads signals.
อ่าน : HAL อ่านสัญญาณ
ขั้นตอนนี้ HAL จะอ่านสัญญาณจากสมอง โดยสัญญาณจากสมองจะถูกส่งไปยังกล้ามเนื้อโดยการแพร่ผ่านไปยังผิวหนัง (Skin Surface) ซึ่งเรียกว่า Bio-electric signals [BES] ซึ่ง HAL นั้นสามารถอ่านสัญญาณ BES ได้ เพียงการแนบตัวจับสัญญาณไปบนผิวของร่างกาย แม้ในขณะที่เรายังสวมเสื้อผ้าอยู่ก็ยังสามารถจับสัญญาณ BES ได้ โดย HAL สามารถจับสัญญาณข้อมูลหลากหลายจากสมองว่าการเคลื่อนไหวอันไหนคือสิ่งที่สมองตั้งใจไว้
04 MOVE
HAL moves as the wearer intends.
เคลื่อนไหว : ตามที่ผู้สวมใส่ต้องการ

ขั้นตอนนี้ HAL จะเคลื่อนไหวได้ตามคำสั่งของสมอง และยังสามารถทำให้ผู้สวมใส่สามารถออกแรงได้มากกว่าตอนก่อนสวม ใส่ HAL ได้

O5 FEEDBACK
The brain learns motions.
ข้อเสนอแนะ : สมองเรียนรู้การเคลื่อนไหว
ขั้นตอนสุดท้ายของกลกนี่ไม่ใช่จบแค่การเคลื่อนไหวร่างกายได้เพียงเท่านั้น แต่สมองจะยืนยันว่าสัญญาณที่ส่งไปนั้นสามารถทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวได้จริง ถ้าผู้ป่วยได้รับการช่วยเหลือเรื่องการเดินจาก HAL อย่างเหมาะสมในช่วงระยะเวลาหนึ่งแล้ว ความรู้สึกที่ว่า "ฉันสามารถเดินได้แล้ว" จะถูกส่งกลับไปที่สมอง นั่นคือสมองจะเรียนรู้แนวทางที่จะปล่อยสัญญาณที่เหมาะสมสำหรับการเดินได้อย่างค่อยเป็นค่อยไป และนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเดินได้เองโดยไม่จำเป็นต้องให้ HAL เข้ามาช่วยเหลืออีกต่อไป และทั้งหมดนี้คือ HAL หุ่นยนต์ที่มอบทางออกให้ผู้ป่วยที่เดินไม่ได้ให้กลับมาเดินได้อีกครั้ง
HAL ได้รับการผลิต CE [CE O197] เป็นครั้งแรกในฐานะอุปกรณ์การแพทย์หุ่นยนต์สำหรับใช้ในทางการแพทย์ ได้รับการรับรองว่าเป็นไปตามข้อกำหนดของ Medical Device Directives ในสหภาพยุโรป และได้รับใบรับรองจาก IS013485 (อุปกรณ์การแพทย์) เป็นครั้งแรกในฐานะผู้ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ใช้หุ่นยนต์ และยังได้การรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA) ตั้งแต่ปี 2560
ไซเบอร์ดายน์ เหมาะกับใคร
กลุ่มผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือมีความผิดปกติทางร่างกายในการเคลื่อนไหว ได้แก่

  • ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
  • ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บที่ไขสันหลัง
  • ผู้ที่ศูนย์เสียการทรงตัวและการเคลื่อนไหว
  • ผู้ที่เกิดอุบัติเหตุทางสมอง
  • ผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบประสาทและกล้ามเนื้อ
  • ผู้ป่วยโปลิโอ
การรักษาขึ้นอยู่กันแนวทางการรักษาของแพทย์ระบบประสาทและสมอง และแพทย์เวชศาสตร์ฟื้นฟู
ครอบครัวของ HAL มีด้วยกันอยู่ 3 รุ่นด้วยกัน ได้แก่
กลุ่มผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หรือมีความผิดปกติทางร่างกายในการเคลื่อนไหว ได้แก่

  • HAL Lower Limb Type ช่วยในการฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพาตส่วนล่างตั้งแต่เอวลงไปถึงเท้า
  • HAL Single Joint Type ช่วยคนไข้ที่ไม่สามารถยืดหรือหดข้อได้ไม่ว่าจะเป็นข้อแขน มือ เข่า หรือเท้า
  • HAL Lumbar Type ช่วยคนไข้ที่ไม่สามารถยกตัวขึ้นได้หรือสูญเสียความสามารถในการนั่ง
ด้วยความห่วงใยและปรารถนาดี
พญ.ชุติมา สายเพ็ชร์
อายุรแพทย์ระบบประสาทและสมอง
อัตราค่าบริการ
 
Lower Limb
จำนวนครั้ง
ราคา
หมายเหตุ
1 ครั้ง
8,500
รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.
4 ครั้ง
32,000 รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ
8 ครั้ง
62,000
รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.
16 ครั้ง
120,000 รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ
 
Single Joint
จำนวนครั้ง
ราคา
หมายเหตุ
1 ครั้ง
7,500
รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.
4 ครั้ง
28,000 รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ
8 ครั้ง
54,000
รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.
16 ครั้ง
104,000 รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ

 

โปรแกรมและแพ็คเกจ

คัดกรองมะเร็งเต้านม

คัดกรองมะเร็งเต้านม

ภัยร้ายใกล้ตัว

มะเร็งเต้านม ภัยร้ายใกล้ตัว


รู้ก่อนรักษาก่อน ตรวจได้ตั้งแต่ยังไม่เป็น การตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะต้นๆ และได้รับการรักษาก่อนที่จะมีการลุกลามหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่น
การรักษาอย่างถูกต้องสามารถมีโอกาสหายขาดได้สูง

มะเร็งเต้านม ภัยร้ายใกล้ตัว

มะเร็งเต้านมปัจจุบันพบมากเป็นอันดับหนึ่งในสตีไทยการตรวจพบตั้งแต่ระยะแรกๆ และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องสามารถมีโอกาสหายขาดได้สูง มะเร็งเต้านมอาจมีอาการได้หลายแบบแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละคน  ดังนั้นสตรีทั่วไปจึงควรหมั่นคอยสังเกตอาการและตรวจเต้านมตนเองเป็นประจำ เพื่อที่จะได้ตรวจพบมะเร็งเต้านมได้ตั้งแต่ระยะต้นๆ และได้รับการรักษาก่อนที่จะมีการลุกลามหรือกระจายไปยังอวัยวะอื่นแล้วมักมีผลการรักษาที่ไม่ดี
ใครบ้างที่เสี่ยง

  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นมะเร็งเต้านม โดยเฉพาะมารดาหรือพี่น้องร่วมอุทรณ์
  • ผู้ที่เคยรับประทานฮอร์โมนเสริมในวัยใกล้หรือหมดประจำเดือนแล้ว
  • ผู้หญิงที่อายุ 40 ปีขึ้นไป ควรได้รับการคัดกรองมะเร็งเต้านม ทุก 1- 2 ปี ผู้มีประวัติเป็นซีสต์หรือเนื้องอกที่เต้านม
  • ผู้ที่มีประจำเดือนก่อนอายุ 12 ปีหรือประจำเดือนหมดช้าหลังอายุ 50 ปี
  • ผู้ที่มีบุตรหลังอายุ 30 ปี หรือไม่เคยมีบุตร
  • ผู้ที่ได้รับยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
  • ผู้ที่มีประวัติการเป็นมะเร็งรังไข่
หากคุณเข้าเกณฑ์ดังกล่าวคุณมีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งเต้านมในอนาคต ควรได้รับการตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านม และอัลตราซาวด์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
รายการ
ตรวจคัดกรองหามะเร็งเต้านมด้วยเครื่องแมมโมแกรมและอัลตราซาวด์
Digital Mammogram and Breast Ultrasound
2,990.-
ปกติ 3,730.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

Health check for working abroad

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

2,200.-


โรงพยาบาลบางโพ บริการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเพื่อทำงาน ศึกษาต่อหรือแต่งงานในราคาเดียว ตรวจได้ทั้งแบบ ก และ ค เพื่อประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพ ที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การตรวจได้แก่ โรควัณโรค โรคปอด ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และโรคแอดส์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเงื่อนไขของแต่ประเทศ

บริการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเพื่อทำงาน ศึกษาต่อหรือแต่งงานนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากผลในการพิจารณาคัดกรองบุคคลตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ จึงควรได้รับการตรวจสุขภาพที่ได้มาตรฐานจากสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ โรงพยาบาลบางโพให้บริการด้วยมาตรฐานการรับรองทางห้องปฏิบัติการ ที่ผ่านการรับรองจากสภาเทคนิคการแพทย์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมบุคลากรทีมสหสาขาวิชาชีพที่มีมาตรฐาน ให้บริการที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ ชั้น 3 อาคาร 2 (One Stop Service)
การตรวจสุขภาพก่อนไปต่างประเทศ เป็นการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพที่ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ การตรวจ เช่น โรควัณโรค โรคปอด ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และโรคแอดส์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเงื่อนไขของแต่ประเทศ ประเทศที่สามารถเข้ารับบริการตรวจมีดังนี้
  • ประเทศเกาหลี
  • ประเทศ ตะวันออกกลาง เช่นคูเวต ดูไบ กาต้า เลบานอน บาห์เรน
  • ประเทศอื่นๆ USA ญี่ปุ่น รัสเซีย ฮ่องกง ยูเครน มาเก๊า ฯลฯ
ยกเว้น ประเทศบรูไน, อิสราเอล, ซาอุดิอาระเบีย, ไต้หวัน
แพ็กเกจ
รายการตวจ
ราคา
แบบ ก.
ตรวจได้ทุกประเทศ ยกเว้นประเทศดังนี้
  • ประเทศบรูไน
  • ประเทศอิสราเอล
  • ประเทศซาอุดิอาระเบีย
  • ประเทศไต้หวัน
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • Electrocardiogram (EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • VDRL
    ตรวจหาเชื้อกามโรค ซิฟิลิส
  • HIV
    ตรวจหาเชื้อไวรัสเอดส์
  • VISION TEST
    ตรวจสายตา
  • HBsAg
    ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
  • MALARIA
    มาลาเลีย
  • Anti HCV
    ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี
  • Pregnancy Test
    ตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
แบบ ค.
เฉพาะประเทศเกาหลี
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • VDRL
    ตรวจหาเชื้อกามโรค ซิฟิลิส
  • VISION TEST
    ตรวจสายตา
  • Audiometry
    ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
  • HBsAg
    ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
  • Blood Group / Rh
    ตรวจหาหมู่เลือด
  • MALARIA
    มาลาเลีย
  • Pregnancy Test
    ตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์
  • Liver Function Test : SGPT/SGOT
    ตรวจการทำงานของตับ
  • Cholesterol
    ตรวจหาระดับไขมันคอเลสเตอรอล
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
แบบ ง.
เฉพาะประเทศญี่ปุ่น
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • Electrocardiogram (EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • Audiometry
    ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
  • Liver Function Test : SGPT, SGOT , GGT
    ตรวจการทำงานของตับ
  • Lipid Profile : Triglyceride, HDL, LDL
    ตรวจระดับไขมันในเลือด
  • Fasting Blood Sugar (FBS)
    ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)

 

เอกสารที่ต้องนำมาเพื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพ
  • บัตรประชาชน ตัวจริง ยังไม่หมดอายุ
  • หนังสือเตินทาง (Passport) ตัวจริง ที่มีวันหมดอายุไม่ต่ำกว่า 18 เดือน
  • รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1.5 -2 นิ้ว 3 รูป
  • เอกสารเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชม.สามารถจิบน้ำเปล่าได้
  • พักผ่่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชม.
  • สำหรับผู้รับบริการที่ต้องใช้แว่นสายตา ให้นำแว่นสายตามาด้วย
  • สุภาพสตรีที่มีประจำเดือนให้เลื่อนวันตรวจ จนกว่าประจำเดือนจะหายเป็นปกติ
  • หากต้องการตรวจสุขภาพตั้งแต่ 20 ท่านขึ้นไป กรุณาติดต่อแผนกสื่อสารการตลาด 09-4495-4010
ให้บริการทุกวัน เวลา 07:00 - 16:00 น.
ณ ศูนย์ตรวจสุขภาพชั้น 3 อาคารศูนย์การแพทย์ (อาคาร 2)
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

Bangpo Home Health Care

Bangpo Home Health Care

เพราะห่วงใย ให้คุณอุ่นใจ

Bangpo Home Health Care

ให้บางโพ ดูแลถึงบ้านคุณ


พร้อมบริการที่หลากหลายจากทีมพยาบาลวิชาชีพและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหมือนอยุ่ในโรงพยาบาล อาทิ ฉีดวัคซีน ทำแผล เจาะเลือด ให้บริการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ และการให้การพยาบาลที่บ้าน

เพราะห่วงใย ให้คุณอุ่นใจ
ให้บางโพดูแลถึงบ้านคุณ

ด้วยบริการ

Bangpo Home Health Care

พร้อมบริการที่หลากหลาย จากทีมพยาบาลวิชาชีพและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน เหมือนอยุ่ในโรงพยาบาล
เช่น ฉีดวัคซีน ทำแผล เจาะเลือด ให้บริการเปลี่ยนสายสวนปัสสาวะ และการให้การพยาบาลที่บ้าน

เพียงแค่ 3 ขั้นตอนง่ายๆ เราจะไปหาท่าน

ขั้นตอนที่ 1

กรอกข้อมูล ที่: ลงทะเบียน
โทรศัพท์: 02-587-0144

ขั้นตอนที่ 2

เจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ

ขั้นตอนที่ 3

รอรับบริการที่บ้าน

Bangpo Home Health Care

พร้อมบริการที่หลากหลายจากทีมพยาบาลวิชาชีพและอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานเหมือนอยุ่ในโรงพยาบาล อาทิ
เงื่อนไขบริการ
  • ไม่เกิน 5 กิโลเมตร ราคา 500 บาท
  • ไม่เกิน 10 กิโลเมตร ราคา 700 บาท
  • ไม่เกิน 15 กิโลเมตร ราคา 1,000 บาท
  • ไม่เกิน 25 กิโลเมตร ราคา 1,500 บาท
  • ไม่เกิน 45 กิโลเมตร ราคา 2,000 บาท
สนใจบริการ : ลงทะเบียน
หรือ โทร. 02-587-0144

โปรโมชั่น ชิลล์ ชิลล์ “ผิวสวยใส สุขภาพดี”

โปรโมชั่น ชิลล์ ชิลล์ “ผิวสวยใส สุขภาพดี”

ดูแลผิวหน้า

ดูแลรอบดวงตา

ดูแลใต้วงแขน รักแร้

โปรโมชั่น ชิลล์ ชิลล์ "ผิวสวยใส สุขภาพดี"

โปรแกรมดูแลผิวพรรณด้วย 4 เทคโนโลยี เพื่อฟื้นฟูผิวพรรณคืนความสดใสอ่อนเยาว์

Elight : ปรับสภาพฟื้นฟูผิวพรรณ
HELIOS III : รบรอยด่างดำ รอยแดง รอยสัก
Infusion : ผลักสารเข้าสู่ชั้นผิวหน้าโดย IONWAVE
Diamond Peel : ผลัดเซลล์ผิวให้อ่อนเยาว์

สอบถามเพิ่มเติม โทร 02-587-0144 ต่อ 2302
แผนกผิวหนัง อาคาร 2 ชั้น 3 : โรงพยาบาลบางโพ
ติดตามข่าวสารของเราได้ที่ : facebook.com/BangpoHospital