รักษานิ่วในถุงน้ำดี ด้วยการส่องกล้อง

Laparoscopic Cholecystectomy
           ในปัจจุบันการส่องกล้องเพื่อรักษานิ่วในถุงน้ำดี (Gallstone) มีข้อดีหลายอย่าง ได้แก่ ลดความเสี่ยงทางวิสัญญีในการดมยาสลบ แผลผ่าตัดเล็ก ระยะเวลาการพักและฟื้นตัวสั้นสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็ว ลดระยะเวลาการนอนโรงพยาบาล และ ลดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล
            นิ่วในถุงน้ำดีเป็นโรคที่สามารถพบและเกิดขึ้นได้ มีอันตรายถึงแก่ชีวิตถ้าไม่รีบรักษา อาการที่พบ ได้แก่ อาหารไม่ย่อย หลังทานอาหารมีอืดแน่นท้อง ปวดใต้ลิ่นปี่หรือชายโครงขวา ถ้าพบว่ามีตัวเหลืองตาเหลืองร่วมด้วย จะเป็นอาการของนิ่วในถุงน้ำดีไหลไปอุดตันที่ท่อน้ำดี และเกิดภาวะท่อน้ำดีอุดตัน
อาการและความรุนแรงของโรค
อาการและความรุนแรงของโรคนิ่วในถุงน้ำดีนั้น ในระยะเริ่มต้นอาจจะไม่ค่อยแสดงอาการมากนัก ผู้ป่วยมักจะมาด้วยอาการปวดอืด แน่นท้อง ปวดใต้ลิ้นปี่ หรือปวดชายโครงด้านขวา แต่หากมีถุงน้ำดีอักเสบติดเชื้อ (Acute cholecystitis) ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องใต้ชายโครงขวา คลื่นไส้อาเจียน และมีไข้ ร่วมด้วย ถ้าก้อนนิ่วตกลงไปที่ท่อน้ำดีแล้วเกิดภาวะท่อน้ำดีอุดตัน จะพบว่ามีอาการตัวเหลืองตาเหลือง หากมีการอักเสบติดเชื้อขึ้นบริเวณท่อน้ำดีที่อุดตันนั้น อาจเกิดภาวะท่อน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholangitis) หรือ ตับอ่อนอักเสบเฉียบพลัน (Acute pancreatitis)ได้ อาการปวดท้องจะทุเลาลงถ้านิ่วที่อุดตันนั้น ไหลกลับไปที่ถุงน้ำดี หรือไหลออกไปทางลำไส้เล็ก ถ้าผู้ป่วยมีอาการปวดท้องลักษณะนี้หลายครั้ง จะเป็นอาการเตือนของการมีนิ่วในถุงน้ำดี อาจเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะถุงน้ำดีอักเสบเฉียบพลัน (Acute cholecystitis) หรือ ภาวะถุงน้ำดีอักเสบเรื้อรัง (Chronic cholecystitis) ได้ ซึ่งถ้ามีการอักเสบและติดเชื้อรุนแรงอาจเกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดที่อันตรายถึงแก่ชีวิต
สาเหตุของโรคถุงน้ำดีอักเสบนั้นส่วนมากจะเกิดจากนิ่วในถุงน้ำดี (Gallstone) หรือตะกอนในถุงน้ำดี (Bile sludge) ไหลไปอุดตันทางออกถุงน้ำดี (Cystic duct) จนทำให้เกิดการอักเสบและติดเชื้อ
การรักษา
การรักษานิ่วในถุงน้ำดีในปัจจุบัน ใช้การผ่าตัดผ่านกล้องที่มีความคมชัดสูง หลังผ่าตัดแผลมีขนาดเล็ก เจ็บแผลน้อย ลดโอกาสการติดเชื้อ และช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวไว
หลังการผ่าตัดถุงน้ำดีนั้นผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ เนื่องจากถุงน้ำดีเป็นเพียงส่วนหนึ่งของระบบน้ำดีที่ทำหน้าที่กักเก็บน้ำดีเท่านั้น โดยน้ำดีจะถูกผลิตจากตับ ดังนั้นเมื่อตัดถุงน้ำดีออกไปผู้ป่วยเพียงแค่ไม่มีที่กักเก็บน้ำดี แต่ยังสามารถย่อยอาหารได้ปกติ ในระยะแรกจะยังไม่สามารถย่อยอาหารพวกไขมันได้ดีเท่าที่ควร ปริมาณไขมันที่ทานต่อมื้อจึงมีผล ถ้าปริมาณไขมันน้อยกว่าจะย่อยได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะช่วงเดือนแรกๆหลังการผ่าตัด ควรรับประทานอาหารที่เหมาะสมตามคำแนะนำของแพทย์ เพิ่มจำนวนมื้ออาหารแต่ละปริมาณในแต่ละมื้อลง จะช่วยให้การย่อยอาหารสมบูรณ์ขึ้น แต่เมื่อเวลาผ่านไป ร่างกายจะปรับตัวให้เข้ากับการไม่มีถุงน้ำดีได้ และสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ
หากพบอาการเหล่านี้ เช่น อาหารไม่ย่อย หลังทานอาหารมีอืดแน่นท้อง ปวดใต้ลิ่นปี่หรือชายโครงขวา และพบว่ามีตัวเหลืองตาเหลือง อาจมีอาการคลื่นไส้อาเจียน และมีไข้ ร่วมด้วย จะเป็นอาการของนิ่วในถุงน้ำดีไหลไปอุดตันที่ท่อน้ำดี ควรปรึกษาแพทย์ เพื่อวินิจฉัยและรักษาก่อนเกิดโรคร้ายแรง

โปรแกรมและแพ็คเกจ