ภาวะพร่อง ฮอร์โมนเพศชาย

ภาวะพร่อง ฮอร์โมนเพศชาย

LOW TESTOSTERONE
ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย (Hypogonadism) หมายถึง ภาวะที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศชาย หรือ "เทสโทสเตอโรน" ในระดับที่ต่ำกว่าปกติ ซึ่งฮอร์โมนนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนาลักษณะทางเพศชาย การทำงานของอวัยวะเพศ และระบบสืบพันธุ์ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนยังเกี่ยวข้องกับมวลกล้ามเนื้อ ความแข็งแรงของกระดูก และการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง การพร่องฮอร์โมนเพศชายอาจเกิดได้ทั้งในวัยเด็กหรือวัยผู้ใหญ่ ส่งผลต่อสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้กับเพศชายในวัยตั้งแต่ 45 ปีขึ้นไป
ภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายแบ่งเป็น 2 ประเภทหลักๆ ได้แก่
  1. ภาวะพร่องปฐมภูมิ (Primary hypogonadism): เกิดจากปัญหาที่อัณฑะเอง ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนได้เพียงพอ สาเหตุอาจรวมถึง

    • ความผิดปกติทางพันธุกรรม เช่น กลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter syndrome)
    • อัณฑะบิดตัวหรือบาดเจ็บจากการบาดเจ็บที่ทำให้อัณฑะไม่ทำงานตามปกติ
    • การติดเชื้อในอัณฑะ เช่น คางทูม
    • รังสีรักษาหรือเคมีบำบัด
  2. ภาวะพร่องทุติยภูมิ (Secondary hypogonadism): เกิดจากปัญหาที่ต่อมใต้สมองหรือไฮโปทาลามัส ซึ่งเป็นส่วนที่ ควบคุมการผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน สาเหตุอาจรวมถึง

    • เนื้องอกในสมอง
    • การฉายรังสีที่สมอง
    • การได้รับยาบางประเภท เช่น สเตียรอยด์
    • โรคอ้วน
อาการ
อาการของภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายสามารถแตกต่างกันไปตามช่วงอายุที่เริ่มเกิดภาวะนี้:
  • ในวัยเด็ก: อาจทำให้ลักษณะเพศชายไม่พัฒนา เช่น ขนตามตัวน้อย กล้ามเนื้อไม่เจริญเติบโต เสียงไม่เปลี่ยน
  • ในวัยผู้ใหญ่: : อาจมีอาการเช่น ความต้องการทางเพศลดลง หย่อนสมรรถภาพทางเพศ มวลกล้ามเนื้อลดลง การเพิ่มขึ้นของไขมันร่างกาย อารมณ์ไม่คงที่ อ่อนเพลีย ซึมเศร้า อยากอยู่คนเดียว ขาดสมาธิ หมดเรี่ยวแรง อ้วนลงพุง และการทำงานของสมองช้าลง ทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพ
ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่ไม่รู้ว่านี่คืออาการที่อาจเกิดจากภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย และปล่อยผ่านเลยจนถึงจุดที่ยากจะรักษา เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือ การตระหนักรู้ถึงกลุ่มอาการและปัจจัยเสี่ยงที่จะนำไปสู่ภาวะเหล่านี้
กลุ่มที่มีความเสี่ยง
  • ผู้ชายที่ใช้ชีวิตหนัก พักผ่อนน้อย
  • ผู้มีโรคเรื้องรังต่างๆ เช่น เบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วนลงพุง (เส้นรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว)
  • ผู้ที่ไม่ค่อยมีเพศสัมพันธ์
ขั้นตอนการเข้ารับการตรวจง่ายนิดเดียว
  1. เริ่มจากการทำแบบสอบถาม เพื่อคัดกรองภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชายในเบื้องต้น
  2. แพทย์จะประเมินอาการหากต้องมี การตรวจวัดระดับฮอร์โมนเพศชายด้วยการเจาะเลือดเพื่อการรักษาที่เฉพาะเจาะจงตามอาการสำหรับแต่ละคน
ควรเจาะเลือด | เพื่อตรวจในช่วงเช้า 7:00 - 11:00 น.
การรักษาภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย
  • การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำเนินชีวิตได้แก่ การงดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การควบคุมการรับประทานอาหารประเภทแป้งและไขมัน และการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • การให้ฮอร์โมนเพศชายทดแทน โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อรักษาระดับฮอร์โมนเพศชายที่จำเป็นต่อสรีระการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆ ของร่างกาย เช่น การคงสภาวะกระดูกกล้ามเนื้อ อารมณ์ ความต้องการทางเพศ และสมรรถภาพทางเพศ โดยเฉพาะความรู้สึกถึงคุณภาพการดำรงชีวิต และ การสนองตอบทางเพศ
รูปแบบของยาฮอร์โมนเพศชาย
  1. รูปแบบทาที่ผิวหนัง เป็นรูปแบบเจลใสในซอง ทาลงบนผิวหนังที่แห้งและสะอาด บริเวณหัวไหล่ ต้นแขน หรือที่หน้าท้อง
  2. รูปแบบฉีด เป็นชนิดที่ฉีดเข้าในกล้ามเนื้อ
การเพิ่มฮอร์โมนเพศชายนั้น แนะนำให้อยู่ในการดูแลของแพทย์
หากคุณมีอาการเหล่านี้
  • ไม่กระฉับกระเฉง
  • ขาดความมั่นใจ
  • หงุดหงิดง่าย
  • ซึมเศร้า
  • ไม่อยากทำการบ้าน
  • อ้วนลงพุง
  • อารมณ์แปรปรวน
  • เส้นรอบเอวมากกว่า 36 นิ้ว
  • เฉื่อยชา
  • กระสับกระส่าย
  • ร้อนวูบวาบ
  • นอนไม่หลับ
  • นกเขาไม่ขัน
คุณอาจมีภาวะพร่องฮอร์โมนเพศชาย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับคำแนะนำในการรักษาอย่างเหมาะสม