ทำอย่างไรเมื่อฟันแท้หลุดจากเบ้า

ทำอย่างไรเมื่อฟันแท้หลุดจากเบ้า

เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ฟันแท้หลุดออกจากเบ้ามาทั้งซี่  ทำอย่างไร

... อย่าทิ้งฟันซี่นั้นเด็ดขาด

เหตุการณ์นี้อาจเกิดอุบัติเหตุได้กับทุกคน โดยเฉพาะกับเด็กในวัย 7-11 ปี   ซึ่งเกิดจากการเล่นกีฬา  หรือการชกต่อย  ทำให้ฟันแท้หน้าบน หรือล่าง หลุดออกมาจากเบ้าฟัน เก็บฟันที่หลุดออกมา จับที่ตัวฟัน ไม่จับที่รากฟัน เพราะรากฟันมีเนื้อเยื่อที่มีชิวิต  การใส่กลับไปใหม่จะให้ผลสำเร็จที่ดีถ้าไม่จับที่รากฟัน และนำไปผ่านนมจืด 10 วินาที หากใส่กลับเข้าไปได้ด้วยตัวเอง ให้ใส่กลับไปในตำแหน่งเดิม และใช้ผ้าสะอาดกดไว้นิ่งๆ แล้วพบแพทย์ทันที

 

Diamond Peel ผลัดเซลล์ผิว ให้อ่อนเยาว์ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่

Diamond Peel ผลัดเซลล์ผิว ให้อ่อนเยาว์ กระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่

เป็นการผลัดเซลล์ผิวชั้นหนังกำพร้า โดยอาศัยการทำงานของ หัวขัดผิวหนังคริสตัลชนิด Diamond ซึ่งจะใช้ร่วมกับระบบดูด สูญญากาศ (vacuum) ทำให้การผลัดเซลล์ผิวหนัง และสิ่งอุดตัน เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ นุ่มนวล และ ไม่ก่อให้เกิดการแพ้ (hypoallergenic)การผลัดเซลล์ผิวออกในขณะที่มีการ suction ผิวเบาๆ เป็น การกระตุ้นระบบการไหลเวียนโลหิตของผิวที่ทำการรักษา และยังช่วย กระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ สร้างคอลลาเจน (collagen) และ อีลาสติน (elastin) ทำให้โครงสร้างผิวมีความแข็งแรงขึ้น ทำการรักษา ได้ในทุกสีผิว (skin type) และทุกส่วนของร่างกาย เช่น ใบหน้า ลำคอ มือ และบริเวณลำตัว หมดกังวลสำหรับผู้ที่มีสี ผิวคล้ำไม่สม่ำเสมอ รอยแผลเป็นจากสิว ริ้วรอย รูขุมขนกว้าง และรอยแตกลาย “คุณจะรู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของผิวที่สะอาด กระจ่างใส และเรียบเนียนขึ้น หลังเข้ารับการรักษาในครั้งแรก”

ประสิทธิภาพการรักษาด้วย Diamond peel

การรักษาด้วย Diamond peel microdermabrasion เป็นการรักษาที่ปลอดภัยและเป็นการขัดผิวได้อย่างล้ำลึก ทั้งยังกระตุ้นให้ผิวแข็งแรงยิ่งขึ้นโดยใช้ laser-cut diamond เพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วออกได้อย่างหมดจด พร้อมทั้ง กระตุ้นให้มีการสร้างเซลล์ผิวใหม่ที่แข็งแรงขึ้น ทำให้ผิวเรียบเนียน กระจ่างใสและไร้ริ้วรอย

  • ริ้วรอยต่างๆ (Fine lines & wrinkles)
  • รอยแผลเป็นที่เกิดจากสิวและรอยแผลเป็นต่างๆ (Acne &trauma scars)
  • รูขุมขนกว้าง (Enlarged pores)
  • สิวหัวดำและสิวหัวขาว (Blackheads&whiteheads)
  • จุดด่างดำจากการโดนแสงแดดทำลาย (Sunspots)
  • ผิวไม่เรียบเนียน (Uneven skin texture)

ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาประเทศสหรัฐอเมริกา (US FDA)และประเทศไทย (THAI FDA)

  • ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับการรักษาทั้งผิวหน้าและผิวกาย
  • เป็นการรักษาที่ไม่เจ็บและไม่มีผลข้างเคียง
  • เป็นการรักษาที่สะอาดและไม่ก่อให้เกิดการระคายเคืองหรือแพ้
  • เห็นผลการรักษาที่ชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกของการรักษา

คำแนะนำและการดูแลหลังการรักษา

  1. หลีกเลี่ยงการสัมผัสแสงแดดจัดๆ และความร้อน ซึ่งเป็นสาเหตุ ทำให้เกิดรอยหมองคล้ำ
  2.  ใช้ครีมกันแดด
  3. หากหลังทำการรักษา มีผิวลอก ไม่ควรแกะหรือลอกผิว  ควรทาครีมบำรุงแทน
  4. หลังทำการรักษา ไม่ควรอาบน้ำร้อนจัดๆ เข้าห้องซาวน์น่า หรืออบไอน้ำ และ ไม่ควรออกกำลังกายหนักๆ
  5. ไม่ควรใช้ครีม หรือสารเคมีสำหรับลอกผิว หลังทำการรักษา
  6. ระมัดระวังไม่ให้ผิวบริเวณที่ทำการรักษา สัมผัสกับความร้อนโดยตรง เช่น การใช้ไดร์เป่าผม
  7. ไม่ควรทำการกำจัดขน ฉีดคอลลาเจน ในบริเวณที่ทำการรักษาอย่างน้อย 5 วัน
  8. หยุดใช้ยา Retin-A / Renova หลังการรักษา 7 วัน
  9. งดการอาบแดดอย่างน้อย 3 สัปดาห์หลังการรักษา

ข้อห้ามในการทำการรักษา

1. ผู้ที่มีความผิดปกติของผิวหนังในบริเวณที่ทำการรักษาโรคผิวหนังเรื้อรัง (Undiagnosed lesions)
2. ผู้ที่อยู่ในระยะแสดงอาการของโรคเริม (Herpes)
3. ผู้ที่เป็นหูดในบริเวณที่รับการรักษา (Wart)
4. ผิวคล้ำจากการสัมผัสแสงแดด (Sun burn)
5. ผู้ที่มีสิวอักเสบในระยะที่ 3 – 4
6. ผู้ที่เป็นผื่นแพ้ (Rosacea)
7. ผู้ที่เป็นเบาหวานที่ไม่สามารถควบคุมได้
8. ผู้ที่มีความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
9. ผู้ที่ตั้งครรภ์ (Pregnancy)
10.ในผู้ที่มีสีผิวคล้ำ (Hyper pigmentation)  ควรใช้ระดับแรงดันสูญญากาศต่ำๆ

รู้ได้อย่างไรว่านิ้วล็อก Trigger Finger

รู้ได้อย่างไรว่านิ้วล็อก

มารู้จักโรคนิ้วล็อกกันเถอะ
โรคนิ้วล็อก ( Trigger Finger )   เป็นความผิดปกติของนิ้วมือที่พบได้บ่อยที่สุดโรคหนึ่ง มีสาเหตุส่วนใหญ่จากการใช้นิ้วมือมากทำให้เกิดการเสียดสีกันระหว่างปลอกหุ้มเอ็นหนาตัวและขัดขวางการเคลื่อนที่ของเส้นเอ็น

อุบัติการณ์ของโรค

  • พบได้ประมาณ6% ของประชากรทั่วไป
  • พบได้บ่อยในช่วงอายุวัยกลางคน
  • พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชาย ประมาณ 2-6 เท่า
  • นิ้วที่พบโรคได้บ่อยเรียงตามลำดับดังนี้ : นิ้วหัวแม่มือ นิ้วนาง นิ้วกลาง นิ้วก้อย นิ้วชี้

อาการ
อาการแสดงมีหลายระดับขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการอักเสบ อาการที่พบได้คือ

  • โดยเริ่มจากอาการเจ็บบริเวณโคนนิ้วด้านฝ่ามือ
  • นิ้วขัดหรือสะดุดในขณะงอหรือเหยียดนิ้วมือเหยียดออกได้เอง
  • นิ้วล็อกหรือนิ้วติดแข็งอยู่ในท่างอเคลื่อนไม่ได้คือเหยียดไม่ออกหรืองอไม่ลง

ระดับความรุนแรงของโรคนิ้วล็อก

  • ระยะที่ 1 เส้นเอ็นอักเสบ ทำให้มีอาการ ปวด กดเจ็บ
  • ระยะที่ 2 นิ้วสะดุด ยังสามารถเหยียดนิ้วออกเองได้
  • ระยะที่ 3 นิ้วล็อก ติดในท่างอ ต้องใช้นิ้วมืออีกข้างช่วยเหยียดออก หรือนิ้วติดในท่าเหยียด งอไม่ลง
  • ระยะที่ 4 นิ้วติดแข็ง ข้อกลางนิ้วติดแข็งในท่างอ

 

การรักษาโรคนิ้วล็อก

การรักษาโรคนิ้วล็อกขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและระยะเวลาที่เป็น

ถ้าอาการไม่รุนแรง หรืออาการเป็นไม่บ่อย การรักษาดังต่อไปนี้อาจให้ผลดี

  • หยุดพักการใช้มือข้างที่เป็น เพื่อป้องกันการใช้งานมากเกินไปของนิ้วข้างที่เป็น
  • ใช้เครื่องพยุงนิ้วมือ โดยช่วยให้ข้อไม่ทำงานมากเกินไป
  • บริหารนิ้วมือในน้ำอุ่น โดยการแช่มือในน้ำอุ่นนานประมาณ 5-10 นาที ในตอนเช้า ซึ่งอาจจะช่วยลดอาการนิ้วล็อกลงได้

ถ้าอาการรุนแรงมาก

  • รับประทานยาลดการอักเสบ เพื่อลดการอักเสบของปลอกหุ้มเอ็น
  • การใช้สเตียรอยด์ฉีดเข้าไปในปลอกหุ้มเอ็นซึ่งช่วยลดการอักเสบ การรักษาด้วยวิธีนี้ ได้ผลดีในผู้ป่วยที่เป็นในระยะแรก การฉีดยาในรายที่เป็นซ้ำ อาจจะต้องเว้นระยะห่างประมาณ 3 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการฉีกขาดของเส้นเอ็น
  • การรักษาด้วยการผ่าตัดเอาเยื่อพังผืดออก ขนาดแผลประมาณ 1-2 ซม. เมื่อรักษาด้วยวิธีที่กล่าวมาข้างต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น วิธีนี้ต้องรอแผลติดและตัดไหมประมาณ 2 สัปดาห์ จึงจะสามารถกลับไปทำงานได้
  • การรักษาด้วยการเปิดแผลเล็กขนาดเท่ารูเข็ม โดยใช้ปลายเข็มสะกิด หรือใช้มีดที่ปลายเหมือนตะขอเกี่ยวตัดเยื่อพังผืดออกใช้ในรายที่เป็นในระยะเริ่มแรก ซึ่งแผลเล็กหายเร็วและสามารถกลับไปทำงานได้เร็ว

อย่างไรก็ตามแล้ว การหลีกเลี่ยงกิจกรรมหรือการทำงานที่เสี่ยงต่อภาวะที่ทำให้เกิดนิ้วล็อกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ในรายที่ยังต้องทำงานโดยใช้มืออย่างหนักตลอด อาจจะเกิดการเป็นนิ้วล็อกซ้ำได้ การรักษาด้วยการฉีดยา และการผ่าตัด เป็นสิ่งที่รองลงมาหลังการการรับประทานยาและกายภาพไม่ดีขึ้น

โปรแกรมและแพ็คเกจ

คัดกรองมะเร็งเต้านม

มะเร็งเต้านม ภัยร้าย […]

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

Health check for working abroad

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

2,200.-


โรงพยาบาลบางโพ บริการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเพื่อทำงาน ศึกษาต่อหรือแต่งงานในราคาเดียว ตรวจได้ทั้งแบบ ก และ ค เพื่อประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพ ที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การตรวจได้แก่ โรควัณโรค โรคปอด ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และโรคแอดส์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเงื่อนไขของแต่ประเทศ

บริการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเพื่อทำงาน ศึกษาต่อหรือแต่งงานนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากผลในการพิจารณาคัดกรองบุคคลตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ จึงควรได้รับการตรวจสุขภาพที่ได้มาตรฐานจากสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ โรงพยาบาลบางโพให้บริการด้วยมาตรฐานการรับรองทางห้องปฏิบัติการ ที่ผ่านการรับรองจากสภาเทคนิคการแพทย์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมบุคลากรทีมสหสาขาวิชาชีพที่มีมาตรฐาน ให้บริการที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ ชั้น 3 อาคาร 2 (One Stop Service)
การตรวจสุขภาพก่อนไปต่างประเทศ เป็นการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพที่ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ การตรวจ เช่น โรควัณโรค โรคปอด ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และโรคแอดส์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเงื่อนไขของแต่ประเทศ ประเทศที่สามารถเข้ารับบริการตรวจมีดังนี้
  • ประเทศเกาหลี
  • ประเทศ ตะวันออกกลาง เช่นคูเวต ดูไบ กาต้า เลบานอน บาห์เรน
  • ประเทศอื่นๆ USA ญี่ปุ่น รัสเซีย ฮ่องกง ยูเครน มาเก๊า ฯลฯ
ยกเว้น ประเทศบรูไน, อิสราเอล, ซาอุดิอาระเบีย, ไต้หวัน
แพ็กเกจ
รายการตวจ
ราคา
แบบ ก.
ตรวจได้ทุกประเทศ ยกเว้นประเทศดังนี้
  • ประเทศบรูไน
  • ประเทศอิสราเอล
  • ประเทศซาอุดิอาระเบีย
  • ประเทศไต้หวัน
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • Electrocardiogram (EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • VDRL
    ตรวจหาเชื้อกามโรค ซิฟิลิส
  • HIV
    ตรวจหาเชื้อไวรัสเอดส์
  • VISION TEST
    ตรวจสายตา
  • HBsAg
    ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
  • MALARIA
    มาลาเลีย
  • Anti HCV
    ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี
  • Pregnancy Test
    ตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
แบบ ค.
เฉพาะประเทศเกาหลี
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • VDRL
    ตรวจหาเชื้อกามโรค ซิฟิลิส
  • VISION TEST
    ตรวจสายตา
  • Audiometry
    ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
  • HBsAg
    ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
  • Blood Group / Rh
    ตรวจหาหมู่เลือด
  • MALARIA
    มาลาเลีย
  • Pregnancy Test
    ตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์
  • Liver Function Test : SGPT/SGOT
    ตรวจการทำงานของตับ
  • Cholesterol
    ตรวจหาระดับไขมันคอเลสเตอรอล
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
แบบ ง.
เฉพาะประเทศญี่ปุ่น
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • Electrocardiogram (EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • Audiometry
    ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
  • Liver Function Test : SGPT, SGOT , GGT
    ตรวจการทำงานของตับ
  • Lipid Profile : Triglyceride, HDL, LDL
    ตรวจระดับไขมันในเลือด
  • Fasting Blood Sugar (FBS)
    ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)

 

เอกสารที่ต้องนำมาเพื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพ
  • บัตรประชาชน ตัวจริง ยังไม่หมดอายุ
  • หนังสือเตินทาง (Passport) ตัวจริง ที่มีวันหมดอายุไม่ต่ำกว่า 18 เดือน
  • รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1.5 -2 นิ้ว 3 รูป
  • เอกสารเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชม.สามารถจิบน้ำเปล่าได้
  • พักผ่่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชม.
  • สำหรับผู้รับบริการที่ต้องใช้แว่นสายตา ให้นำแว่นสายตามาด้วย
  • สุภาพสตรีที่มีประจำเดือนให้เลื่อนวันตรวจ จนกว่าประจำเดือนจะหายเป็นปกติ
  • หากต้องการตรวจสุขภาพตั้งแต่ 20 ท่านขึ้นไป กรุณาติดต่อแผนกสื่อสารการตลาด 09-4495-4010
ให้บริการทุกวัน เวลา 07:00 - 16:00 น.
ณ ศูนย์ตรวจสุขภาพชั้น 3 อาคารศูนย์การแพทย์ (อาคาร 2)
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โรคจอประสาทตาเสื่อม

จอประสาทตาเสื่อม

โรคจอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ หรือ โรคเอเอ็มดี เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการตาบอดได้ อาการนั้นเมื่อคนปกติมองไปยังสิ่งต่างๆรอบตัว จะเห็นภาพชัดเจนไม่มีเงาดำมาบดบังส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพ แต่ผู้ป่วยโรคเอเอ็มดี เมื่อมองไปยังสิ่งใดๆก็ตามจะพบว่ามีเงาดำบังบริเวณกึ่งกลางของภาพเสมอ ผู้ป่วยบางคนอาจจะมีอาการ เห็นภาพบิดเบี้ยวก่อน แล้วจึงมีอาการเห็นเงาดำบดบังภาพทีหลัง ส่วนสาเหตุของโรคนี้เกิดจากจุดรับภาพชัด( Macula) ของจอประสาทตาซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการมองเห็นบริเวณกึ่งกลางภาพเกิดความผิดปกติขึ้น
แบ่งความผิดปกติ เป็น 2 ชนิด คือ
  1. ชนิดแห้ง (Dry AMD) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยจอประสาทตาจะเสื่อมและบางลง มีผลทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างช้าๆ โดยมากไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ซึ่งโรคเอเอ็มดีชนิดนี้สามารถพัฒนาไปเป็นชนิดเปียกได้
  2. ชนิดเปียก (Wet AMD) พบได้น้อยกว่าชนิดแห้งแต่เป็นชนิดที่มีอาการรุนแรงกว่าสามารถทำให้การมองเห็นแย่มากจนอยู่ในขั้นระดับเลือนรางหรือตาบอดได้ ซึ่งเอเอ็มดีชนิดเปียกนี้จะมีเส้นเลือดงอกผิดปกติที่ใต้จอประสาทตา ทำให้เลือดออกหรือเป็นแผลที่จอประสาทตา ส่งผลให้ผู้ป่วยเห็นเป็นเงาดำบริเวณกึ่งกลางของภาพที่มองเห็น
แม้โรคเอเอ็มดีชนิดเปียกจะมีการดำเนินโรคที่รวดเร็ว แต่ถ้าตรวจพบในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่จะสามารถควบคุมไม่ให้โรคลุกลามได้ โดยสามารถรักษาระดับการมองเห็น และผู้ป่วยบางส่วนอาจมีการมองเห็นที่ดีขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถรักษาผู้ป่วยในด้านการมองเห็นจากโรคเอเอ็มดีขั้นรุนแรงให้กลับมามองเห็นได้ชัดเท่าคนปกติ ซึ่งต่างจากต้อกระจก ที่สามรถผ่าตัดสลายต้อและใส่เลนส์เทียมได้ ซึ่งสามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ชัดเป็นปกติอีกครั้ง นอกจากนี้โรคเอเอ็มดียงสามารถเกิดได้กับตาทั้ง 2 ข้าง อาจจะเกิดข้างใดข้างหนึ่งก่อนก็ได้โดยที่ผู้ป่วยยังไม่ทันสังเกตเพราะยังมีตาอีกข้างที่ช่วยทดแทนการมองเห็นอยู่ และส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เมื่อโรคเกิดในตาข้างที่ 2 แล้ว จึงช้าเกินไปในการรักษาตาข้างแรก
การทดสอบจอประสาทตาเสื่อมเบื้องต้น
การทดสอบจอประสาทตาเสื่อมเบื้องต้น(AMD) ด้วยตนเอง สามารถตรวจได้โดยใช้ตารางแอมสเลอร์ (Amsler Grid) ที่เห็นตามตารางข้างล่างนี้
  1. ใช้มือปิดตาข้างซ้าย ถือตารางแอมสเลอร์ในระยะอ่านหนังสือ ห่างจากตาประมาณ หนึ่งฟุต (ให้สวมแว่นสายตา แว่นอ่านหนังสือ หรือคอนแทคเลนส์ได้ตาปกติ)
  2. ใช้ตาข้างขวามองที่จุดดำเล็กๆกลางภาพพยายามแพ่งที่จุดนี้ตลอดเวลา
  3. สังเกตุดูว่ามีตารางส่วนใดที่บิดเบี้ยว หรือมีเงาดำบัง หรือไม่ ถ้ามี....แสดงว่าคุณอาจจะเริ่มมีอาการของโรคเอเอ็มดี ควรรีบไปพบจักษุแพทย์โดยเร็ว
  4. ทดสอบตาข้างซ้ายโดยเอามือข้างขวาปิด และปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นอีกครั้ง

***การทดสอบนี้เป็นการทดสอบความผิดปกติเบื้องต้น ไม่สามารถนำมาใช้ทดแทน ควรไปตรวจตาเป็นประจำทุกปีโดยจักษุแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ขึ้นไป

วิธีการรักษา
การรักษาโรคเอเอ็มดีชนิดเปียกที่มีในปัจจุบัน ได้แก่ การฉายแสงเลเซอร์ การรักษาโดยโฟโต้ไดนามิก และการฉีกยา Amti- VEGF เข้าน้ำวุ้นลูกตา เป็นต้น โดยจักษุแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
การป้องกัน
การทดสอบจอประสาทตาเสื่อมเบื้องต้น(AMD) ด้วยตนเอง สามารถตรวจได้โดยใช้ตารางแอมสเลอร์ (Amsler Grid) ที่เห็นตามตารางข้างล่างนี้
  1. ควรสวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  2. ควรรับประทานอาหารจำพวกผักใบเขียว ผลไม้สด อาหารจำพวกปลา โดยหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน
  3. ควรงดสูบบุหรี่
  4. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก และ ความดันโลหิต

โปรแกรมและแพ็คเกจ

ชุดตรวจสุขภาพ SML Care [Free gift]

ชุดตรวจสุขภาพ SML Ca […]

โปรแกรมตรวจสุขภาพดวงตา

โปรแกรมตรวจสุขภาพดวง […]

การตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ CT Calcium Score

การตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ CT Calcium Score

CT Calcium Score
การตรวจหาหินปูนหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium Score) เป็นการตรวจปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ตรวจคัดกรองระดับหินปูนที่เกาะบริเวณหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เพื่อประเมินภาวะการอุดตันของหลอดเลือด ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดอุดตันเฉียบพลันซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตสูง หรือประเมินแนวโน้มโอกาสในการที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ในอนาคต
ข้อดีของตรวจ CT CALCIUM SCORE
  • ทำให้ทราบถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในอนาคต
  • ไม่ต้องมีการเตรียมตัว สามารถตรวจได้ทันที ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
  • ใช้เวลาในการตรวจน้อย ไม่เจ็บตัว
  • ไม่มีการฉีดสารทึบรังสี
ใครที่ควรเข้ารับการตรวจ CT CALCIUM SCORE
  • บุคคลทั่วไปที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
  • ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนรับการตรวจ
  • หลีกเลี่ยงยาที่จะกระตุ้นหัวใจให้ชีพจรเร็วขึ้น
  • งดชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนตรวจ
  • เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคลุมของโรงพยาบาล
  • ถอดเครื่องประดับรอบคอหรือแผ่นต่างๆ ที่ติดบริเวณหน้าอก

โปรแกรมและแพ็คเกจ

เพราะหัวใจต้องการคนดูแล

การดูแลหัวใจให้แข็งแ […]

DM Care ตรวจคัดกรองเบาหวาน

คัดกรองตั้งแต่เริ่มต้น ก่อนเกิดโรค

มะเร็งปากมดลูก สำหรับเด็ก

Promotion มะเร็งปากมดลูก สำหรับเด็ก

วัคซีนมะเร็งปากมดลูก : 5,900.- และ 12,500.-

(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)


วัคซีนป้องกันไวรัส HPV สามารถฉีดได้ทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป
ประสิทธิภาพจะดีที่สุดในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ HPV ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การเริ่มให้วัคซีนตั้งแต่ช่วงก่อนเข้าวัยรุ่นถึงวัยรุ่น

เด็กต้องการ"การปกป้อง"

มะเร็งปากมดลูก

มะเร็งปากมดลูกไม่ได้มีสาเหตุจากพันธุกรรม แต่เกิดจากไวรัส HPV ซึ่งติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก และรวมถึงสัมผัส ใกล้ชิดจากภายนอก และเชื้อนี้ยังสามารถก่อให้เกิดโรคอื่นๆ ได้อีกหลายชนิด ปัจจุบันมีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าการติดเชื้อ ไวรัสที่ชื่อว่า Human Papilloma Virus (HPV) เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูกการฉีด HPV Vaccine เพื่อการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้านเชื้อ HPV เป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยป้องกันปากมดลูกจากการติดเชื้อ HPV ได้ ประสิทธิภาพของ HPV Vaccine จะสูงที่สุดในสตรีที่ยังไม่ติดเชื้อ HPV ดังนั้นจึงควรฉีดวัคซีนก่อนถึงวัยที่จะมีเพศสัมพันธุ์ โดยปัจจุบันแนะนำให้ฉีด ในทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย ที่มีอายุ 9 ปี ช่วงดังกล่าวเด็กจะสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้อย่างเต็มที่นอกจากนั้นยังแนะนำว่าผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 13-26 ปี ที่ไม่เคยฉีดวัคซีน หรือฉีดไม่ครบควรได้รับการฉีดทุกคน

  • มะเร็งปากมดลูกมีสาเหตุจากเชื้อ HPV ถึง 99.7%
  • เป็นมะเร็งที่ตรวจพบมากเป็นอับดับ 2 ในหญิงไทย
  • ผู้ชายก็สามารถติดเชื้อ HPV ได้เพราะเชื้อไวรัส HPV เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดหูดหงอนไก่ และมะเร็งทวารหนัก
วัคซีนป้องกันไวรัส HPV สามารถฉีดได้ทั้งเด็กหญิงและเด็กชาย ตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป ประสิทธิภาพจะดีที่สุดในผู้ที่ยังไม่ติดเชื้อ HPV ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุด คือ การเริ่มให้วัคซีนตั้งแต่ ช่วงก่อนเข้าวัยรุ่นถึงวัยรุ่น เด็กอายุ 9-15 ปี แนะนำให้ฉีด 2 เข็ม โดยประสิทธิภาพเทียบเท่าการฉีด 3 เข็มในผู้ใหญ่ เริ่มฉีดเข็มแรกก่อน 15 ปีเต็ม โดยฉีดห่างกัน 6 เดือน

วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูกสำหรับเด็กชนิด 4 สายพันธุ์ และ 9 สายพันธุ์ สามารถป้องกัน

เด็กผู้หญิง วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 4 สายพันธุ์

5,900.-

2 เข็ม
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
  • มะเร็งปากมดลูก
  • มะเร็งปากช่องคลอด
  • มะเร็งช่องคลอด
  • หูดอวัยวะเพศหญิง

เด็กผู้หญิง วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 9 สายพันธุ์

12,500.-

2 เข็ม
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
  • มะเร็งปากมดลูก
  • มะเร็งปากช่องคลอด
  • มะเร็งช่องคลอด
  • หูดอวัยวะเพศหญิง
  • มะเร็งทวารหนัก
  • ภาวะก่อนมะเร็ง (precancerous) หรือภาวะเซลล์ผิดปกติชนิด dysplasia
  • มะเร็งคอหอยหลังช่องปาก
  • มะเร็งทางศีรษะเเละลำคอ

เด็กผู้ชาย วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 4 สายพันธุ์

5,900.-

2 เข็ม
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
  • มะเร็งอวัยวะเพศชาย
  • มะเร็งทวารหนัก
  • มะเร็งอวัยวะเพศชาย

เด็กผู้ชาย วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 9 สายพันธุ์

12,500.-

2 เข็ม
รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล
  • มะเร็งอวัยวะเพศชาย
  • มะเร็งทวารหนัก
  • มะเร็งอวัยวะเพศชาย
  • ภาวะก่อนมะเร็ง (precancerous) หรือภาวะเซลล์ผิดปกติชนิด dysplasia
  • มะเร็งคอหอยหลังช่องปาก
  • มะเร็งทางศีรษะเเละลำคอ
ผลข้างเคียงของการฉีด HPV Vaccine
โดยทั่วไปการฉีด HPV Vaccine มีความปลอดภัยสูงไม่พบอาการข้างเคียงชนิดรุนแรง อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น ได้แก่
  • อาการข้างเคียงบริเวณที่ฉีดวัคซีน เช่น ปวด บวม แดง และคัน ส่วนใหญ่อาการไม่รุนแรง เป็นอยู่ชั่วคราวและหายไปเอง
  • อาการทั่วไป เช่น ไข้ พบประมาณร้อยละ 10 ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงและหายได้เอง
  • อาการอื่น ๆ ที่อาจพบได้ เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้อาเจียน อ่อนเพลีย และผื่นคันตามตัว อาการเหล่านี้ไม่รุนแรงและหายได้เอง
วันนี้ - 31 มีนาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรมตรวจสุขภาพสำหรับเด็ก

โปรแกรมตรวจสุขภาพสำห […]

วัคซีนปัองกันโรคมือ เท้า ปาก (EV71)

วัคซีนป้องกันโรคมือเ […]

ทำอย่างไรห่างไกล โรคเบาหวาน / ไขมัน / ความดัน(สำหรับพระสงฆ์)

ทำอย่างไรห่างไกล โรคเบาหวาน / ไขมัน / ความดัน(สำหรับพระสงฆ์)

โรคเบาหวาน โรคไขมันและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต

โรคเบาหวาน

โรคไขมัน

Title
Title
Description

โรคความดันโลหิตสูง

วัคซีนป้องกันโรคร้าย วัย 50+

วัคซีนป้องกันโรคร้าย วัย 50+

เตรียมความพร้อม สู่ "สังคมสูงวัย อย่างมีสุขภาพดี"


การได้รับฉีดวัคซีนในวัยเด็กเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคก็เพิ่มมากขึ้น  ภูมิต้านทานจากการฉีดวัคซีนอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไปจึงจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นใหม่ หรือเมื่ออายุมากขึ้นความไวของเชื้อในการก่อโรคมากขึ้น เช่น ไข้หวัดใหญ่ และโรคปอดบวม1 ดังนั้นในผู้สูงอายุก็มีความจำเป็นที่ต้องฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคเช่นเดียวกัน

ผู้ใหญ่อายุ 50 ปี ขึ้นไปทุกคน แพทย์แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรค การฉีดวัคซีนป้องกัน ช่วยให้บรรเทาอาการของโรคและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังลดโอกาสเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น ในวัยผู้ใหญ่ภูมิคุ้มกันจะลดลงตามอายุที่มากขึ้น จึงต้องมีการกระตุ้นด้วยการฉีดวัคซีน หรืออาจจะเป็นเพราะเชื้อโรคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือสายพันธุ์ใหม่จนระบบภูมิคุ้มกันเดิมร่างกายไม่รู้จักเชื้อนั้น เช่น ไข้หวัดใหญ่

รายการตรวจ ราคา(บาท)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
ควรฉีดป้องกันปีละ 1 ครั้ง
849.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ High Dose สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ควรฉีดป้องกันปีละ 1 ครั้ง
2,500.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนสุกใส (1 เข็ม)
ควรฉีดในผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน
1,700.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ บี (1 เข็ม)
โดยฉีด 3 ครั้งห่างกัน 4-8 สัปดาห์
660.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ บี (3 เข็ม)
ฉีด 3 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
1,980.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ เอ (1 เข็ม)
ฉีด 1 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
1,200.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ เอ (1 เข็ม) + บี (3 เข็ม)
ฉีด 4 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
3,190.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนบาดทะยัก (1 เข็ม)
360-420.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม 13 สายพันธุ์
ฉีด 1 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
3,250.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนงูสวัด (RZV) 1 เข็ม
(ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 2 – 6 เดือน)
5,990.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนงูสวัด (RZV) 2 เข็ม
(ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 2 – 6 เดือน)
11,900.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2567

โปรแกรมและแพ็คเกจ

การบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา

การเล่นกีฬาต่างๆ ถือเป็นกิจกรรมยอดฮิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะการวิ่งมาราธอน การเล่นกีฬาเป็นการออกกำลังกายที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพค่ะ แต่เราควรรู้และดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดการบาดเจ็บกับร่างกายนะคะ

การบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา เกิดจากอะไร?
และการดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเบื้องต้นทำอย่างไร?

พลโท นพ.ดุษฏี ทัตตานนท์
ศัลยแพทย์โรคกระดูกและข้อ
เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์และการกีฬา โรงพยาบาลบางโพ

#Bangpohospital #แบ่งกันฟัง