ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

Health check for working abroad

ตรวจสุขภาพไปทำงานต่างประเทศ

2,200.-


โรงพยาบาลบางโพ บริการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเพื่อทำงาน ศึกษาต่อหรือแต่งงานในราคาเดียว ตรวจได้ทั้งแบบ ก และ ค เพื่อประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพ ที่ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน การตรวจได้แก่ โรควัณโรค โรคปอด ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และโรคแอดส์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเงื่อนไขของแต่ประเทศ

บริการตรวจสุขภาพก่อนเดินทางไปต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการตรวจเพื่อทำงาน ศึกษาต่อหรือแต่งงานนั้นมีความสำคัญ เนื่องจากผลในการพิจารณาคัดกรองบุคคลตามข้อกำหนดของแต่ละประเทศ จึงควรได้รับการตรวจสุขภาพที่ได้มาตรฐานจากสถานพยาบาลที่น่าเชื่อถือ โรงพยาบาลบางโพให้บริการด้วยมาตรฐานการรับรองทางห้องปฏิบัติการ ที่ผ่านการรับรองจากสภาเทคนิคการแพทย์ และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย พร้อมบุคลากรทีมสหสาขาวิชาชีพที่มีมาตรฐาน ให้บริการที่ศูนย์ตรวจสุขภาพ ชั้น 3 อาคาร 2 (One Stop Service)
การตรวจสุขภาพก่อนไปต่างประเทศ เป็นการตรวจเพื่อประเมินความเสี่ยงทางด้านสุขภาพที่ไม่เป็นอุปสรรคในการใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ การตรวจ เช่น โรควัณโรค โรคปอด ไวรัสตับอักเสบบี ซิฟิลิส และโรคแอดส์ ซึ่งอาจจะแตกต่างกันไปในแต่ละเงื่อนไขของแต่ประเทศ ประเทศที่สามารถเข้ารับบริการตรวจมีดังนี้
  • ประเทศเกาหลี
  • ประเทศ ตะวันออกกลาง เช่นคูเวต ดูไบ กาต้า เลบานอน บาห์เรน
  • ประเทศอื่นๆ USA ญี่ปุ่น รัสเซีย ฮ่องกง ยูเครน มาเก๊า ฯลฯ
ยกเว้น ประเทศบรูไน, อิสราเอล, ซาอุดิอาระเบีย, ไต้หวัน
แพ็กเกจ
รายการตวจ
ราคา
แบบ ก.
ตรวจได้ทุกประเทศ ยกเว้นประเทศดังนี้
  • ประเทศบรูไน
  • ประเทศอิสราเอล
  • ประเทศซาอุดิอาระเบีย
  • ประเทศไต้หวัน
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • Electrocardiogram (EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • VDRL
    ตรวจหาเชื้อกามโรค ซิฟิลิส
  • HIV
    ตรวจหาเชื้อไวรัสเอดส์
  • VISION TEST
    ตรวจสายตา
  • HBsAg
    ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
  • MALARIA
    มาลาเลีย
  • Anti HCV
    ตรวจเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี
  • Pregnancy Test
    ตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
แบบ ค.
เฉพาะประเทศเกาหลี
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • VDRL
    ตรวจหาเชื้อกามโรค ซิฟิลิส
  • VISION TEST
    ตรวจสายตา
  • Audiometry
    ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
  • HBsAg
    ตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี
  • Blood Group / Rh
    ตรวจหาหมู่เลือด
  • MALARIA
    มาลาเลีย
  • Pregnancy Test
    ตรวจปัสสาวะดูการตั้งครรภ์
  • Liver Function Test : SGPT/SGOT
    ตรวจการทำงานของตับ
  • Cholesterol
    ตรวจหาระดับไขมันคอเลสเตอรอล
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)
แบบ ง.
เฉพาะประเทศญี่ปุ่น
  • Physical Examination
    ตรวจร่างกายโดยแพทย์ เฉพาะทาง
  • Complete Blood Count (CBC)
    ตรวจหาความผิดปกติของเม็ดเลือด
  • Urine Examination
    ตรวจปัสสาวะสมบูรณ์แบบ
  • Stool Examination with Occult blood
    ตรวจอุจจาระ
  • Chest X-ray
    เอกซเรย์ปอดและหัวใจ
  • Electrocardiogram (EKG)
    คลื่นไฟฟ้าหัวใจ
  • Audiometry
    ตรวจสมรรถภาพการได้ยิน
  • Liver Function Test : SGPT, SGOT , GGT
    ตรวจการทำงานของตับ
  • Lipid Profile : Triglyceride, HDL, LDL
    ตรวจระดับไขมันในเลือด
  • Fasting Blood Sugar (FBS)
    ตรวจระดับน้ำตาลในเลือด
2,200.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการ รพ.)

 

เอกสารที่ต้องนำมาเพื่อเข้ารับการตรวจสุขภาพ
  • บัตรประชาชน ตัวจริง ยังไม่หมดอายุ
  • หนังสือเตินทาง (Passport) ตัวจริง ที่มีวันหมดอายุไม่ต่ำกว่า 18 เดือน
  • รูปถ่ายหน้าตรง ขนาด 1.5 -2 นิ้ว 3 รูป
  • เอกสารเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี)
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ
  • งดน้ำและอาหารอย่างน้อย 6-8 ชม.สามารถจิบน้ำเปล่าได้
  • พักผ่่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 8 ชม.
  • สำหรับผู้รับบริการที่ต้องใช้แว่นสายตา ให้นำแว่นสายตามาด้วย
  • สุภาพสตรีที่มีประจำเดือนให้เลื่อนวันตรวจ จนกว่าประจำเดือนจะหายเป็นปกติ
  • หากต้องการตรวจสุขภาพตั้งแต่ 20 ท่านขึ้นไป กรุณาติดต่อแผนกสื่อสารการตลาด 09-4495-4010
ให้บริการทุกวัน เวลา 07:00 - 16:00 น.
ณ ศูนย์ตรวจสุขภาพชั้น 3 อาคารศูนย์การแพทย์ (อาคาร 2)
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรมดูแลผู้ป่วยเบาหวาน DM Care

โปรแกรมดูแลผู้ป่วยเบ […]

วัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ

วัคซีนป้องกันโรคตับอ […]

โปรแกรมตรวจสุขภาพตับ

โปรแกรมตรวจสุขภาพตับ […]

โรคจอประสาทตาเสื่อม

จอประสาทตาเสื่อม

โรคจอประสาทตาเสื่อมเนื่องจากอายุ หรือ โรคเอเอ็มดี เป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป และเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการตาบอดได้ อาการนั้นเมื่อคนปกติมองไปยังสิ่งต่างๆรอบตัว จะเห็นภาพชัดเจนไม่มีเงาดำมาบดบังส่วนใดส่วนหนึ่งของภาพ แต่ผู้ป่วยโรคเอเอ็มดี เมื่อมองไปยังสิ่งใดๆก็ตามจะพบว่ามีเงาดำบังบริเวณกึ่งกลางของภาพเสมอ ผู้ป่วยบางคนอาจจะมีอาการ เห็นภาพบิดเบี้ยวก่อน แล้วจึงมีอาการเห็นเงาดำบดบังภาพทีหลัง ส่วนสาเหตุของโรคนี้เกิดจากจุดรับภาพชัด( Macula) ของจอประสาทตาซึ่งมีหน้าที่ช่วยในการมองเห็นบริเวณกึ่งกลางภาพเกิดความผิดปกติขึ้น
แบ่งความผิดปกติ เป็น 2 ชนิด คือ
  1. ชนิดแห้ง (Dry AMD) เป็นชนิดที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุ โดยจอประสาทตาจะเสื่อมและบางลง มีผลทำให้การมองเห็นแย่ลงอย่างช้าๆ โดยมากไม่จำเป็นต้องรับการรักษา ซึ่งโรคเอเอ็มดีชนิดนี้สามารถพัฒนาไปเป็นชนิดเปียกได้
  2. ชนิดเปียก (Wet AMD) พบได้น้อยกว่าชนิดแห้งแต่เป็นชนิดที่มีอาการรุนแรงกว่าสามารถทำให้การมองเห็นแย่มากจนอยู่ในขั้นระดับเลือนรางหรือตาบอดได้ ซึ่งเอเอ็มดีชนิดเปียกนี้จะมีเส้นเลือดงอกผิดปกติที่ใต้จอประสาทตา ทำให้เลือดออกหรือเป็นแผลที่จอประสาทตา ส่งผลให้ผู้ป่วยเห็นเป็นเงาดำบริเวณกึ่งกลางของภาพที่มองเห็น
แม้โรคเอเอ็มดีชนิดเปียกจะมีการดำเนินโรคที่รวดเร็ว แต่ถ้าตรวจพบในช่วงแรกๆ ส่วนใหญ่จะสามารถควบคุมไม่ให้โรคลุกลามได้ โดยสามารถรักษาระดับการมองเห็น และผู้ป่วยบางส่วนอาจมีการมองเห็นที่ดีขึ้นได้ แต่อย่างไรก็ตาม ความก้าวหน้าทางการแพทย์ในปัจจุบัน ยังไม่สามารถรักษาผู้ป่วยในด้านการมองเห็นจากโรคเอเอ็มดีขั้นรุนแรงให้กลับมามองเห็นได้ชัดเท่าคนปกติ ซึ่งต่างจากต้อกระจก ที่สามรถผ่าตัดสลายต้อและใส่เลนส์เทียมได้ ซึ่งสามารถทำให้ผู้ป่วยกลับมามองเห็นได้ชัดเป็นปกติอีกครั้ง นอกจากนี้โรคเอเอ็มดียงสามารถเกิดได้กับตาทั้ง 2 ข้าง อาจจะเกิดข้างใดข้างหนึ่งก่อนก็ได้โดยที่ผู้ป่วยยังไม่ทันสังเกตเพราะยังมีตาอีกข้างที่ช่วยทดแทนการมองเห็นอยู่ และส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมาพบแพทย์เมื่อโรคเกิดในตาข้างที่ 2 แล้ว จึงช้าเกินไปในการรักษาตาข้างแรก
การทดสอบจอประสาทตาเสื่อมเบื้องต้น
การทดสอบจอประสาทตาเสื่อมเบื้องต้น(AMD) ด้วยตนเอง สามารถตรวจได้โดยใช้ตารางแอมสเลอร์ (Amsler Grid) ที่เห็นตามตารางข้างล่างนี้
  1. ใช้มือปิดตาข้างซ้าย ถือตารางแอมสเลอร์ในระยะอ่านหนังสือ ห่างจากตาประมาณ หนึ่งฟุต (ให้สวมแว่นสายตา แว่นอ่านหนังสือ หรือคอนแทคเลนส์ได้ตาปกติ)
  2. ใช้ตาข้างขวามองที่จุดดำเล็กๆกลางภาพพยายามแพ่งที่จุดนี้ตลอดเวลา
  3. สังเกตุดูว่ามีตารางส่วนใดที่บิดเบี้ยว หรือมีเงาดำบัง หรือไม่ ถ้ามี....แสดงว่าคุณอาจจะเริ่มมีอาการของโรคเอเอ็มดี ควรรีบไปพบจักษุแพทย์โดยเร็ว
  4. ทดสอบตาข้างซ้ายโดยเอามือข้างขวาปิด และปฏิบัติตามขั้นตอนข้างต้นอีกครั้ง

***การทดสอบนี้เป็นการทดสอบความผิดปกติเบื้องต้น ไม่สามารถนำมาใช้ทดแทน ควรไปตรวจตาเป็นประจำทุกปีโดยจักษุแพทย์ โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ 50 ขึ้นไป

วิธีการรักษา
การรักษาโรคเอเอ็มดีชนิดเปียกที่มีในปัจจุบัน ได้แก่ การฉายแสงเลเซอร์ การรักษาโดยโฟโต้ไดนามิก และการฉีกยา Amti- VEGF เข้าน้ำวุ้นลูกตา เป็นต้น โดยจักษุแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาและแนะนำแนวทางการรักษาที่เหมะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
การป้องกัน
การทดสอบจอประสาทตาเสื่อมเบื้องต้น(AMD) ด้วยตนเอง สามารถตรวจได้โดยใช้ตารางแอมสเลอร์ (Amsler Grid) ที่เห็นตามตารางข้างล่างนี้
  1. ควรสวมแว่นกันแดดเมื่ออยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน
  2. ควรรับประทานอาหารจำพวกผักใบเขียว ผลไม้สด อาหารจำพวกปลา โดยหลีกเลี่ยงอาหารจำพวกไขมัน
  3. ควรงดสูบบุหรี่
  4. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควบคุมน้ำหนัก และ ความดันโลหิต

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรโมชั่นเลนส์โปรเกรสซีฟ

เลนส์โปรเกรสซีฟ คู่ท […]

โปรแกรมตรวจสุขภาพดวงตา

โปรแกรมตรวจสุขภาพดวง […]

การตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ CT Calcium Score

การตรวจหาหินปูนในหลอดเลือดหัวใจ CT Calcium Score

CT Calcium Score
การตรวจหาหินปูนหลอดเลือดหัวใจ (CT Calcium Score) เป็นการตรวจปริมาณแคลเซียมที่ผนังของหลอดเลือดหัวใจ โดยใช้เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) ตรวจคัดกรองระดับหินปูนที่เกาะบริเวณหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจ เพื่อประเมินภาวะการอุดตันของหลอดเลือด ก่อนที่จะมีอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันจากหลอดเลือดอุดตันเฉียบพลันซึ่งมีโอกาสเสียชีวิตสูง หรือประเมินแนวโน้มโอกาสในการที่จะเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจว่ามีมากน้อยเพียงใด ซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ในอนาคต
ข้อดีของตรวจ CT CALCIUM SCORE
  • ทำให้ทราบถึงความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบในอนาคต
  • ไม่ต้องมีการเตรียมตัว สามารถตรวจได้ทันที ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล
  • ใช้เวลาในการตรวจน้อย ไม่เจ็บตัว
  • ไม่มีการฉีดสารทึบรังสี
ใครที่ควรเข้ารับการตรวจ CT CALCIUM SCORE
  • บุคคลทั่วไปที่มีอายุ 45 ปีขึ้นไป
  • ผู้ที่มีความเสี่ยงเป็นโรคหัวใจ หรือมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคไต โรคความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง
  • ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่
การเตรียมตัวก่อนเข้ารับการตรวจ
  • ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนรับการตรวจ
  • หลีกเลี่ยงยาที่จะกระตุ้นหัวใจให้ชีพจรเร็วขึ้น
  • งดชา กาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนเป็นส่วนประกอบ
  • งดสูบบุหรี่อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนตรวจ
  • เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดคลุมของโรงพยาบาล
  • ถอดเครื่องประดับรอบคอหรือแผ่นต่างๆ ที่ติดบริเวณหน้าอก

โปรแกรมและแพ็คเกจ

เพราะหัวใจต้องการคนดูแล

การดูแลหัวใจให้แข็งแ […]

ทำอย่างไรห่างไกล โรคเบาหวาน / ไขมัน / ความดัน(สำหรับพระสงฆ์)

ทำอย่างไรห่างไกล โรคเบาหวาน / ไขมัน / ความดัน(สำหรับพระสงฆ์)

โรคเบาหวาน โรคไขมันและโรคความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่มีความสัมพันธ์กับนิสัยหรือพฤติกรรมการดำเนินชีวิต

โรคเบาหวาน

โรคไขมัน

Title
Title
Description

โรคความดันโลหิตสูง

วัคซีนป้องกันโรคร้าย วัย 50+

วัคซีนป้องกันโรคร้าย วัย 50+

เตรียมความพร้อม สู่ "สังคมสูงวัย อย่างมีสุขภาพดี"


การได้รับฉีดวัคซีนในวัยเด็กเป็นสิ่งที่สำคัญที่จะช่วยป้องกันการเกิดโรคได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคก็เพิ่มมากขึ้น  ภูมิต้านทานจากการฉีดวัคซีนอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไปจึงจำเป็นต้องฉีดกระตุ้นใหม่ หรือเมื่ออายุมากขึ้นความไวของเชื้อในการก่อโรคมากขึ้น เช่น ไข้หวัดใหญ่ และโรคปอดบวม1 ดังนั้นในผู้สูงอายุก็มีความจำเป็นที่ต้องฉีดวัคซีนเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันและป้องกันโรคเช่นเดียวกัน

ผู้ใหญ่อายุ 50 ปี ขึ้นไปทุกคน แพทย์แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันโรค การฉีดวัคซีนป้องกัน ช่วยให้บรรเทาอาการของโรคและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง นอกจากนี้ยังลดโอกาสเสี่ยงการแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่น ในวัยผู้ใหญ่ภูมิคุ้มกันจะลดลงตามอายุที่มากขึ้น จึงต้องมีการกระตุ้นด้วยการฉีดวัคซีน หรืออาจจะเป็นเพราะเชื้อโรคนั้นมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง หรือสายพันธุ์ใหม่จนระบบภูมิคุ้มกันเดิมร่างกายไม่รู้จักเชื้อนั้น เช่น ไข้หวัดใหญ่

รายการตรวจ ราคา(บาท)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์
ควรฉีดป้องกันปีละ 1 ครั้ง
849.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนไข้หวัดใหญ่ 4 สายพันธุ์ High Dose สำหรับผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
ควรฉีดป้องกันปีละ 1 ครั้ง
2,500.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนสุกใส (1 เข็ม)
ควรฉีดในผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่เคยเป็นอีสุกอีใสมาก่อน
1,700.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ บี (1 เข็ม)
โดยฉีด 3 ครั้งห่างกัน 4-8 สัปดาห์
660.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ บี (3 เข็ม)
ฉีด 3 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
1,980.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ เอ (1 เข็ม)
ฉีด 1 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
1,200.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนตับอักเสบ เอ (1 เข็ม) + บี (3 เข็ม)
ฉีด 4 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
3,190.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนบาดทะยัก (1 เข็ม)
360-420.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนป้องกันโรคปอดบวม 13 สายพันธุ์
ฉีด 1 เข็มป้องกันตลอดชีวิต
3,250.-
(ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนงูสวัด (RZV) 1 เข็ม
(ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 2 – 6 เดือน)
5,990.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วัคซีนงูสวัด (RZV) 2 เข็ม
(ฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 2 – 6 เดือน)
11,900.-
(รวมค่าแพทย์และค่าบริการโรงพยาบาล)
วันนี้ - 31 ธันวาคม 2567

โปรแกรมและแพ็คเกจ

การบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา

การเล่นกีฬาต่างๆ ถือเป็นกิจกรรมยอดฮิตในปัจจุบัน โดยเฉพาะการวิ่งมาราธอน การเล่นกีฬาเป็นการออกกำลังกายที่เป็นประโยชน์กับสุขภาพค่ะ แต่เราควรรู้และดูแลป้องกันตัวเองไม่ให้เกิดการบาดเจ็บกับร่างกายนะคะ

การบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา เกิดจากอะไร?
และการดูแลผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาเบื้องต้นทำอย่างไร?

พลโท นพ.ดุษฏี ทัตตานนท์
ศัลยแพทย์โรคกระดูกและข้อ
เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์และการกีฬา โรงพยาบาลบางโพ

#Bangpohospital #แบ่งกันฟัง

โรคจมูกอักเสบเรื้อรัง

โรคภูมิแพ้ หรือโรคจมูกอักเสบเรื้อรัง ถือว่าเป็นโรคที่พบบ่อยโรคหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับคนเมือง สาเหตุของโรค เกิดจากเยื่อบุจมูกมีความไวผิดปกติเมื่อสัมผัสกับสิ่งกระตุ้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการของโรคที่สามารถสังเกตได้ เช่น คันจมูก จามติดต่อกันหลายครั้ง มีน้ำมูกใสไหลตลอดเวลา เสมหะไหลลงคอ จมูกไม่ได้กลิ่นหรือได้กลิ่นลดลง หรืออาจมีอาการอื่นๆ เช่น คันตา คันคอ คันหู หรือคันที่เพดานปาก ปวดศีรษะ ปวดหู หูอื้อ เป็นต้น โดยทั่วไปผู้ป่วยมักบรรเทาอาการด้วยการหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น ร่วมกับการใช้ยารับประทาน การใช้ยาพ่นจมูก และการใช้น้ำเกลือล้างจมูก กรณีที่ผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังและไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาอย่างเต็มที่แล้วนั้นปัจจุบันได้มีการนำเทคโนโลยีคลื่นความถี่วิทยุมาใช้ในการผ่าตัด เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาโรคภูมิแพ้โพรงจมูกอักเสบซึ่งได้ผลลัพธ์ที่ดีหลังการรักษา #โรงพยาบาลบางโพ#ภูมิแพ้#สุขภาพ

การตรวจสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูง MRI

MRI (Magnetic Resonance Imaging) คือการตรวจสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าความเข้มสูง เป็นเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเป็นการตรวจวินิจฉัยที่ให้ความถูกต้อง แม่นยำสูง เนื่องจากให้ความแตกต่างของเนื้อเยื่อได้ดี สามารถตรวจได้ทุกระบบในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบบสมอง และกระดูกสันหลัง อีกทั้งยังมีเทคนิคพิเศษหลายแบบ เช่น การตรวจผู้ป่วยที่มีภาวะสมองขาดเลือดเฉียบพลัน การตรวจหาชีวเคมีเพื่อแยกชนิดของก้อนเนื้อ และการตรวจหลอดเลือดทั่วร่างกาย

MRI ยังมีประโยชน์มากในผู้ป่วยเด็ก เนื่องจากไม่มีอันตรายจากรังสีที่เกิดจากการใช้เอ็กซเรย์

      การตรวจที่ส่งตรวจได้แก่

  • ระบบสมอง เนื้อเยื่อสมอง ไขสันหลัง เส้นประสาททั่วร่างกาย
  • ระบบช่องท้องทั้งหมด
  • ระบบกล้ามเนื้อ ข้อ และเส้นเอ็นยึดกระดูกและกล้ามเนื้อ
  • ระบบหลอดเลือดทั่วร่างกาย

มีข้อจำกัดในการตรวจอวัยวะ ปอด ลำไส้ และหักร้าวของกระดูก

ข้อควรระวัง

  • ผู้ป่วยที่กลัวที่แคบ (Claustrophobic) ไม่สามารถนอนในอุโมงค์ตรวจได้
  • ผู้ป่วยที่มีโลหะฝังในร่างกาย เช่น การเปลี่ยนข้อเทียม การใส่เหล็กดามกระดูก คลิปอุดหลอดเลือดในโรคหลอดเลือดโปร่งพอง เครื่องกระตุ้นการทำงานของหัวใจ อวัยวะเทียมภายในหู เป็นต้น
  • ผู้ป่วยตั้งครรภ์ ที่มีอายุครรภ์ไม่ถึง 3 เดือน

สอบถามและปรึกษาเพิ่มเติมได้ที่
คลินิกอายุรกรรม 02 587 0144 ต่อ 2200
แผนกรังสีวิทยา 02 587 0144 ต่อ 1205

เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ CT scan

CT SCAN เอกซเรย์คอมพิวเตอร์  (Computer Tomography) เป็นเครื่องมือทางรังสีที่ใช้วินิจฉัยประเมินลักษณะทางกายวิภาคของอวัยวะต่างๆ และในด้านการทำงาน โดยใช้รังสีเอ็กซเรย์ บางกรณีอาจมีการฉีดสารทึบรังสี (Contrast Media) เพื่อดูการทำงานของเนื้อเยื่อ และลักษณะของหลอดเลือด ข้อดีในการตรวจคือใช้เวลาในการตรวจน้อย สามารถแสดงภาพได้ในมุมมองต่างๆ รวมถึงภาพ 3 มิติ ซึ่งมีส่วนช่วยในการวินิจฉัยโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

      การตรวจที่ส่งตรวจได้แก่

  • สมอง ศีรษะ และ ลำคอ
  • หัวใจ ปอด และทรวงอก
  • อวัยวะในช่องท้อง เช่น ตับ ไต ม้าม ตับอ่อน ลำไส้ มดลูก รังไข่
  • กระดูกสันหลัง และกระดูกรยางค์
  • ระบบหลอดเลือด

ใช้เวลาในการตรวจ เพียง 10-30 นาที แล้วแต่แพทย์สั่ง

การเตรียมตัวก่อนตรวจ

  1. งดน้ำและอาหารก่อนการตรวจ 4-6 ชั่วโมง ในกรณีต้องฉีดสารทึบรังสี
  2. หากผู้ป่วยมีความเสี่ยงดังต่อไปนี้ กรุณารีบแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนการนัดหรือการตรวจทันที
  • สตรีตั้งครรภ์ หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์
  • ผู้ป่วยเคยมีประวัติแพ้สารทึบรังสี
  • ผู้ป่วยเคยมีประวัติแพ้อาหารทะเล
  • ผู้ป่วยเคยมีประวัติโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด  เป็นต้น

3. ผู้ป่วยต้องมีผลตรวจเลือดเพื่อดูการทำงานของไต (Creatinine) ก่อนการตรวจในกรณีต้องฉีดสารทึบรังสี

สอบถามและปรึกษาได้ที่
แผนกรังสีวิทยา 02 587 0144 ต่อ 1250
คลินิกอายุรกรรม ระบบประสาทและสมอง 02 587 0144 ต่อ 2200

RSV ภัยร้ายของลูกรัก

ไวรัส RSV ภัยร้ายของลูกรัก

RSV Virus

ไวรัส RSV (RSV Virus) คือ เชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่ชื่อว่า Respiratory Syncytial Virus เป็นไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ ทำให้ร่างกายผลิตสารคัดหลั่งจำนวนมาก เช่น เสมหะ เป็นต้น เชื้อไวรัสนี้แพร่กระจายผ่านการไอหรือจาม ผู้ป่วยมีอาการเบื้องต้นคล้ายเป็นหวัด คือ ปวดศีรษะ มีไข้ ไอ จาม น้ำมูกไหล พบผู้ที่ติดเชื้อไวรัส RSV ได้ในทุกวัย แต่พบมากในเด็กและทารก ซึ่งเป็นวัยที่มักเกิดอาการรุนแรงและภาวะแทรกซ้อนได้
พญ.ขวัญจันทร์ ขัมพานนท์ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบางโพ จะให้คำแนะนำ และการป้องกันโรคนี้ค่ะ

ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนและยารักษาโรค RSV โดยตรง การรักษาเป็นเพียงการรักษาแบบประคับประคองตามอาการ เช่น การให้ยาลดไข้ การดูดเสมหะ การให้ออกซิเจน การให้สารน้ำทดแทนให้เพียงพอ การรักษขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรค หายได้ภายในประมาณ 1-2 สัปดาห์ การป้องกันจึงเป็นสิ่งสำหคัญ หากมีอาการแนะนำให้รีบปรึกษาแพทย์

โปรแกรมและแพ็คเกจ