รู้ทันเชื้อ Salmonella แม้ไม่มีอาการ

รู้ทันเชื้อ Salmonella แม้ไม่มีอาการ

การติดเชื้อ Salmonella แบบไม่มีอาการ (asymptomatic carriage) มักเกิดจากการได้รับเชื้อในปริมาณที่ไม่สูงพอที่จะก่อให้เกิดอาการรุนแรง หรือเกิดในผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันแข็งแรงพอที่จะควบคุมเชื้อได้

สาเหตุหลักของการได้รับเชื้อ

  • การบริโภคอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน: เป็นเส้นทางหลักของการติดเชื้อ Salmonella ซึ่งแบคทีเรียมักจะอาศัยอยู่ในลำไส้ของคน สัตว์ และนก การติดต่อไปสู่คนมักผ่านการปนเปื้อนของอุจจาระในอาหารหรือน้ำดื่ม
  • อาหารที่ปนเปื้อนบ่อยในไทย:
    • เนื้อสัตว์ปีก เนื้อหมู เนื้อวัว และไข่ที่ไม่ปรุงสุก: เนื้อสัตว์เหล่านี้อาจมีการปนเปื้อนระหว่างกระบวนการชำแหละหรือแปรรูป แม้แต่ในไข่ไก่ที่ดูสะอาด เชื้อก็อาจปนเปื้อนอยู่ภายในได้หากแม่ไก่ติดเชื้อ
    • อาหารริมบาทวิถี (Street Food): รายงานการวิจัยพบว่ามีโอกาสพบการปนเปื้อนเชื้อ Salmonella ในอาหารริมบาทวิถีได้ โดยเฉพาะอาหารดิบหรืออาหารที่มีส่วนประกอบของอาหารดิบที่เตรียมหรือปรุงในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ
    • ผักและผลไม้: สามารถปนเปื้อนได้หากมีการใช้น้ำที่ไม่สะอาดในการล้างหรือชลประทาน
    • นมและผลิตภัณฑ์จากนมที่ไม่ผ่านการพาสเจอร์ไรส์: กระบวนการพาสเจอร์ไรส์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตราย ซึ่งรวมถึง Salmonella ด้วย
  • สุขอนามัยที่ไม่ดีพอ:
    • การเตรียมอาหารที่ไม่เหมาะสม: การใช้เขียงหรืออุปกรณ์ร่วมกันระหว่างอาหารดิบกับอาหารสุกโดยไม่มีการล้างทำความสะอาดอย่างเพียงพอ ทำให้เกิดการปนเปื้อนข้ามได้ง่าย
    • การไม่ล้างมือ: การไม่ล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดหลังเข้าห้องน้ำ หลังสัมผัสสัตว์ หรือก่อนเตรียมอาหาร สามารถนำเชื้อเข้าสู่ร่างกายได้

โดยทั่วไป ไม่จำเป็นต้องรักษา การติดเชื้อ Salmonella ในผู้ที่เป็นพาหะแบบไม่มีอาการด้วยยาปฏิชีวนะ

เหตุผลที่ไม่แนะนำให้ใช้ยาปฏิชีวนะ

  • หายได้เองตามธรรมชาติ: ในผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง ภูมิคุ้มกันของร่างกายมักจะสามารถกำจัดเชื้อออกจากร่างกายได้เองภายในไม่กี่วันถึงหนึ่งสัปดาห์
  • อาจทำให้อาการหายช้าลง: การให้ยาปฏิชีวนะในกรณีที่ไม่จำเป็น (โดยเฉพาะในโรคกระเพาะและลำไส้อักเสบจากเชื้อ Salmonella ชนิดที่ไม่ใช่ไทฟอยด์) อาจไปรบกวนสมดุลของแบคทีเรียดีในลำไส้ และอาจ ยืดระยะเวลาการเป็นพาหะ ออกไปได้
  • เสี่ยงต่อเชื้อดื้อยา: การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็นเป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดเชื้อดื้อยา ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญในทางการแพทย์

ข้อยกเว้นที่อาจจำเป็นต้องรักษา

มีบางกรณีที่แพทย์อาจพิจารณาให้ยาปฏิชีวนะ แม้จะไม่มีอาการชัดเจน โดยเฉพาะในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง หรือมีเหตุผลทางสาธารณสุข

  • กลุ่มเสี่ยงสูง:
    • ทารกอายุน้อยกว่า 3 เดือน
    • ผู้สูงอายุ
    • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัด
    • ผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวานรุนแรง
  • ผู้ประกอบอาหาร (Food Handlers) หรือบุคลากรทางการแพทย์: ในบางกรณี หากตรวจพบว่าเป็นพาหะเรื้อรัง (มักเป็น Salmonella Typhi ที่ทำให้เกิดไข้ไทฟอยด์) อาจจำเป็นต้องให้การรักษาเพื่อกำจัดเชื้อให้หมดไป เพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่นในวงกว้าง

คำแนะนำสำหรับผู้เป็นพาหะแบบไม่มีอาการ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น

  • ล้างมือให้สะอาด: ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งหลังใช้ห้องน้ำและก่อนเตรียมอาหารหรือรับประทานอาหาร
  • สุขอนามัยในครัว: แยกเขียงและอุปกรณ์สำหรับอาหารดิบและอาหารสุก และปรุงอาหารให้สุกทั่วถึง
  • การจัดการอุจจาระ: ดูแลสุขภัณฑ์ให้สะอาดและถูกสุขลักษณะ
นายแพทย์ณัฐพงศ์ วิบูลย์ศิริชัย
อายุรกรรมโรคระบบการหายใจและภาวะวิกฤตโรคระบบการหายใจ

บทความ

รู้ให้แน่ แพ้อะไร? ทดสอบภูมิแพ้ด้วยการตรวจเลือด 1 ครั้ง!

รู้ให้แน่ แพ้อะไร? ทดสอบภูมิแพ้ด้วยการตรวจเลือด 1 ครั้ง!


รู้ให้แน่ แพ้อะไร? ทดสอบภูมิแพ้ด้วยการตรวจเลือด 1 ครั้ง!

 

ตรวจได้ 2 แบบคือ แบบ ImmunoCAP 'Gold Standard' และ แบบ ALEX ตรวจระดับโมเลกุล

  • ไม่ต้องงดอาหาร
  • ไม่ต้องงดยาแก้แพ้
  • ไม่เสี่ยงต่ออาการแพ้รุนแรง
  • รอผลภายใน 2 สัปดาห์
  • เหมาะสำหรับทุกช่วงวัย ภายใต้คำแนะนำของแพทย์

1. การตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด ImmunoCAP (Specific IgE Food)

  • ความแม่นยำสูง (Gold Standard)
  • ปลอดภัย
  • ไม่ต้องงดยา
การตรวจภูมิแพ้ด้วยการเจาะเลือด ImmunoCAP (Specific IgE Food)
ค่าบริการ
ตรวจสารแพ้อาหาร 6 ชนิด
(ไข่ขาว นม ข้าวสาลี ถั่วเหลือง กุ้ง ปลา)
4,080.-
ตรวจสารแพ้อาหาร 6 ชนิด
(ไข่ขาว นม ข้าวสาลี ถั่วเหลือง ไข่แดง ถั่วลิสง)
5,160.-
ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการ

2. การตรวจภูมิแพ้ระดับโมเลกุลด้วยการเจาะเลือด ALEX (Allergy Explorer)

  • ครอบคลุมสูงสุด 295 ชนิด
  • ตรวจระดับโมเลกุล
  • แก้ปัญหาการแพ้ข้ามกลุ่ม
การตรวจภูมิแพ้ระดับโมเลกุลด้วยการเจาะเลือด ALEX (Allergy Explorer)
ค่าบริการ
ตรวจสารก่อภูมิแพ้ 295 ชนิด
12,600.-
ไม่รวมค่าแพทย์และค่าบริการ
ตรวจหาสารก่อภูมิแพ้
1. สารก่อภูมิแพ้ในอากาศและสิ่งแวดล้อม (Inhalant Allergens)

เป็นการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่เป็นสาเหตุหลักของโรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic Rhinitis) โรคหอบหืด (Asthma) และเยื่อบุตาอักเสบจากภูมิแพ้

  • ไรฝุ่น (Mites) ไรฝุ่นบ้าน (House Dust Mites) ไรฝุ่นยุ้งฉาง (Storage Mites)
  • เกสรดอกไม้ (Pollen) เกสรหญ้าทิโมธี (Timothy Grass) หญ้าแพรก (Bermuda Grass) หญ้าไรย์ (Rye) เกสรต้นเบิร์ช (Birch) โอ๊ก (Oak) เมเปิล (Maple) มะกอก (Olive) โสมอเมริกัน (Ragweed) อาร์ทีมีเซีย (Mugwort)
  • ขนสัตว์และรังแคสัตว์ (Animal Dander & Epithelia) สุนัข (Dog) แมว (Cat) ม้า (Horse) หนู (Mouse, Rat) กระต่าย (Rabbit)
  • เชื้อราและยีสต์ (Moulds & Yeasts) เชื้อราในอากาศและที่ชื้น เช่น Alternaria, Cladosporium, Aspergillus
  • แมลง (Insects) แมลงสาบ (Cockroach)
  • พิษแมลง (Insect Venoms) ผึ้ง (Bee) และต่อ/แตน (Wasp)
2. สารก่อภูมิแพ้ในอาหาร (Food Allergens)

เป็นการตรวจหาสารก่อภูมิแพ้ที่ก่อให้เกิดการแพ้อาหาร ลมพิษ ผื่นแพ้ผิวหนัง และปฏิกิริยาแอนาไฟแล็กซิส (Anaphylaxis)

  • นมและไข่ (Milk & Egg)
    • นมวัว (Cow's Milk) ตรวจลึกถึงโปรตีน เช่น Casein, Alpha-lactalbumin, Beta-lactoglobulin
    • ไข่ (Egg) ตรวจลึกถึงโปรตีนในไข่ขาวและไข่แดง เช่น Ovomucoid, Ovalbumin
  • ถั่วเปลือกแข็งและถั่วลิสง (Nuts & Peanuts)
    • ถั่วลิสง (Peanut) ตรวจลึกถึงส่วนประกอบที่บ่งชี้ความเสี่ยงรุนแรง เช่น Ara h 2, Ara h 6
    • อัลมอนด์ (Almond) เฮเซลนัท (Hazelnut) เม็ดมะม่วงหิมพานต์ (Cashew) วอลนัท (Walnut) พิสตาชิโอ (Pistachio) ฯลฯ
  • อาหารทะเล (Seafood) ปลาต่าง ๆ (Fish) เช่น ปลาคอด (Codfish) แซลมอน (Salmon) สัตว์น้ำมีเปลือก (Crustaceans) เช่น กุ้ง (Shrimp) ปู (Crab) กุ้งก้ามกราม (Lobster) หอยต่าง ๆ (Shellfish)
  • ธัญพืชและเมล็ดพืช (Cereals & Seeds) ข้าวสาลี (Wheat) ข้าวบาร์เลย์ (Barley) ข้าวไรย์ (Rye) งา (Sesame) เมล็ดทานตะวัน (Sunflower Seed)
  • ผักและผลไม้ (Fruits & Vegetables) แอปเปิล (Apple) กล้วย (Banana) พีช (Peach) กีวี (Kiwi) แครอท (Carrot) ขึ้นฉ่าย (Celery)
  • เนื้อสัตว์ (Meat) เนื้อวัว (Beef) เนื้อแกะ (Lamb) เนื้อหมู (Pork) เนื้อไก่ (Chicken)
  • อื่น ๆ ถั่วเหลือง (Soybean) มัสตาร์ด (Mustard) กระเทียม (Garlic) ยีสต์ (Yeast)
3. สารก่อภูมิแพ้อื่น ๆ ยางธรรมชาติ (Latex)

ตรวจหาโปรตีนที่ก่อให้เกิดการแพ้ข้ามกลุ่ม (Pan-Allergens/Cross-Reactive Components): โปรตีนที่พบในหลายแหล่งและทำให้เกิดปฏิกิริยาข้ามกลุ่ม เช่น PR-10, Profilin, nsLTP (Non-specific Lipid Transfer Protein)

หากคุณมีอาการแพ้ซับซ้อน หรือสงสัยว่าแพ้หลายอย่าง ALEX (Allergy Explorer) เป็นการตรวจภูมิแพ้ที่ ละเอียดและครอบคลุมที่สุดในปัจจุบัน ด้วยการเจาะเลือดเพียงครั้งเดียว

วันนี้ - 31 ธันวาคม 2568

โปรแกรมและแพ็คเกจ

ทันตอุปกรณ์ รักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (OSA)

ทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่าง

ราคาเริ่มต้นที่ 12,000.-


ทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่าง
สำหรับรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Mandibular advancement device (MAD) for treating snoring and obstructive sleep apnea (OSA)

การใส่ทันตอุปกรณ์ คืออีกทางเลือกในการรักษานอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ การใช้เครื่องมือปรับตำแหน่งขากรรไกร เพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจเปิดกว้างขึ้น จะทำให้สามารถช่วยลดการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้

รศ.ทพ.ดร.ชิษณุ แจ้งศิริพันธ์
ทันตแพทย์เฉพาะทางสาขาทันตกรรมจัดฟันและสาขาทันตเวชศาสตร์การนอนหลับ

การใส่ทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่าง (MAD) จะช่วยเปิดทางเดินหายใจบริเวณคอหอยให้กว้างขึ้น ลดการสั่นสะเทือนของเนื้อเยื่อในลำคอซึ่งเป็นสาเหตุของเสียงกรน และยังช่วยลดการอุดกั้นทางเดินหายใจในผู้ที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับระดับเล็กน้อยถึงปานกลางเครื่องมือนี้จะใส่ในช่องปากขณะนอนหลับ โดยมีการออกแบบให้รองรับกับฟันบนและฟันล่างเฉพาะในแต่ละบุคคล จึงมีขนาดกะทัดรัดสวมใส่สบาย และเมื่อสวมใส่จะช่วยดันขากรรไกรล่างให้ยื่นไปด้านหน้าในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อช่วยเปิดทางหายใจให้โล่งขึ้น

ภาพตัวอย่างทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่าง (MAD) ที่ช่วยในการรักษานอนกรน (OSA)
ภาพตัวอย่างทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่าง (MAD) ที่ช่วยในการรักษานอนกรน (OSA)

MAD เหมาะกับใคร?

  • ผู้ที่มีประวัตินอนกรนอย่างเดียว หรือนอนกรนร่วมกับหยุดหายใจขณะหลับระดับรุนแรงน้อยถึงปานกลาง
  • ผู้ที่มีประวัตินอนกรนระดับรุนแรง แต่ไม่สามารถยอมรับการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) ได้

ขั้นตอนการทำ MAD

  • ซักประวัติ ทำแบบสอบถาม ตรวจสภาพช่องปาก ถ่ายภาพรังสี พิมพ์ปาก และบันทึกการสบฟัน เพื่อวินิจฉัยโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง
  • หลังรับเครื่องมือและปรับตัวกับ MAD ที่ใส่เป็นเวลา 2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะทำนัดตรวจเพื่อประเมินผล และปรับอุปกรณ์
  • ตรวจติดตามอาการต่อเนื่องทุก 6 เดือน และอาจส่งต่อเพื่อให้แพทย์ทำการตรวจการนอนหลับเพื่อยืนยันผลการรักษาต่อไป
เริ่มต้นเพียง
12,000.-
แนะนำให้ปรึกษาทันตแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์การนอนหลับ เพื่อการรักษาที่เหมาะสมในแต่ละบุคคล

โปรแกรมและแพ็คเกจ

ทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่างสำหรับรักษานอนกรนภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

ทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่างสำหรับรักษานอนกรนภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

Mandibular advancement device (MAD and obstructive sleep apnea (OSA)
ทันตอุปกรณ์ยื่นขากรรไกรล่างสำหรับรักษานอนกรนภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
Mandibular advancement device (MAD) for treating snoring and obstructive sleep apnea (OSA)
ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ(Sleep Apnea) คือ ความผิดปกติของการนอนหลับที่มีการหยุดและเริ่มต้นการหายใจซ้ำ ๆ กันเป็นวงจร สังเกตได้จากการกรนเสียงดังและอาการอ่อนเพลีย แม้ว่าจะได้นอนอย่างเพียงพอ โดย Obstructive Sleep Apnea(OSA) คือ ชนิดที่พบได้บ่อยที่สุด เกิดจากการคลายตัวของกล้ามเนื้อคอ ทำให้ทางเดินหายใจแคบลงหรืออุดตัน ส่งผลให้อากาศไม่สามารถเข้าสู่ปอดได้
ปัจจัยเสี่ยง
    ปัจจัยเสี่ยงภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
ผลกระทบของ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับแบบอุดกั้น (Obstructive Sleep Apnea หรือ OSA)
  • ลดระดับออกซิเจนในเลือด (Hypoxia)
  • เพิ่มระดับคาร์บอนไดออกไซด์ (Hypercapnia)
  • สะดุ้งตื่นจากการนอนหลับ
  • อดนอน อ่อนเพลียง่าย เพิ่มความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ
  • เพิ่มความเสี่ยงต่อโรคในระบบไหลเวียนโลหิต
MAD เหมาะกับใคร
Mandibular Advancement Device หรือ MAD ให้ผลการรักษาได้ดีในผู้ป่วยที่นอนกรนอย่างเดียว หรือ นอนกรนร่วมกับหยุดหายใจขณะหลับระดับรุนแรงน้อยถึงปานกลาง (ค่าดัชนีการหยุดหายใจและหายใจแผ่วน้อยกว่า 30 ครั้งต่อชั่วโมง) หรือในรายที่ระดับรุนแรง แต่ผู้ป่วยไม่สามารถยอมรับการใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวกได้
ภาพการใส่ทันตอุปกรณ์ สำหรับการนอนกรน

Mandibular Advancement Device (MAD)
ทำงานโดยการดึงขากรรไกรล่าง และลิ้นมาด้านหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับการไหลของอากาศบริเวณด้านหลังลำคอ โดย MAD ส่วนใหญ่จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนฟันบนและส่วนฟันล่าง ซึ่งอาจจะเชื่อมต่อกันด้วยสกรู บานพับ หรือยางยืดที่ปรับได้ อุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยดึงขากรรไกรล่างไปด้านหน้าเพื่อช่วยให้ทางเดินหายใจโล่งขึ้น
ขั้นตอนการทำ MAD
  1. ซักประวัติ และทำแบบสอบถามการนอนหลับ
  2. ตรวจวินิจฉัยภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
  3. ตรวจสภาพช่องปากและการสบฟันอย่างละเอียด
  4. ถ่ายภาพรังสี Lateral cephalogram และ Orthopantomogram
  5. พิมพ์ฟันหรือสแกนช่องปากและบันทึกการสบฟัน
  6. ผู้ป่วยได้รับ MAD เพื่อใส่ขณะนอนหลับ
  7. หลังผู้ป่วยปรับตัวกับเครื่องมือประมาณ 2 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะนัดเพื่อตรวจประเมินผล และปรับอุปกรณ์
  8. หลังจากผู้ป่วยใช้ MAD ที่ปรับระดับความยื่นจนทันตแพทย์เห็นว่าเหมาะสม จะส่งต่อให้แพทย์ทำการตรวจการนอนหลับเพื่อยืนยันผลการรักษา
  9. นัดติดตามอาการต่อเนื่องกับทันตแพทย์ทุก 6 เดือน
ลักษณะของ MAD
  • ทันตอุปกรณ์ประเภทนี้สามารถปรับขากรรไกรล่างให้ยื่นไปข้างหน้าทีละน้อย ช่วยเปิดทางเดินหายใจได้ในระยะที่เหมาะสมอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • เครื่องมือประเภทนี้เป็นอุปกรณ์เฉพาะบุคคล ทันตแพทย์จึงต้องพิมพ์ฟัน หรือ สแกนช่องปากผู้ป่วย เพื่อผลิตเครื่องมือที่พอดีกับปากและฟันของผู้ป่วยแต่ละราย เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีและมีความสบายขณะสวมใส่ไม่หลุดง่ายในขณะหลับ
  • นอกจากนี้ยังมีข้อดีคือ พกพาสะดวกขณะเดินทางไม่ต้องใช้ไฟฟ้า และไม่มีหน้ากากครอบหรือคาดที่ใบหน้า
  • ปัจจุบันมีการออกแบบเครื่องมือได้หลายลักษณะ ซึ่งทันตแพทย์จะทำการพิจารณาและพูดคุยกับผู้ป่วยเพื่อเลือกแบบที่เหมาะสม

ลักษณะของ MAD

วิธีการดูแลเครื่องมือการทำความสะอาด
  • ใช้แปรงสีฟันขนนุ่มกับน้ำสบู่อ่อนขัดทำความสะอาดเมื่อถอดเครื่องมือตอนตื่นนอนทุกเช้าก่อนจะล้างด้วยน้ำเปล่า
  • ไม่ใช้ยาสีฟันหริอสารขัดฟันปลอมมาใช้ทำความสะอาด เนื่องจากจะทำให้พื้นผิวของเครื่องมือเสียหายได้
  • หลังทำความสะอาดเครื่องมือแล้ว ให้เก็บเครื่องมือในที่อากาศเย็นและแห้ง หลีกเลี่ยงการเก็บในที่ร้อนและมีสารเคมี
ผลข้างเคียงของการใส่เครื่องมือ
การจัดการกับผลข้างเคียง
  • การเปลี่ยนแปลงการสบฟัน
    • การบริหารด้วยการใช้ท่าม้วนลิ้นแตะเพดานปาก
      1. นำปลายลิ้นแตะเบาๆที่กลางเพดานปาก โดยไม่เกร็งลิ้น และริมฝีปาก
      2. อ้าปากช้าๆ จนสุด โดยที่ปลายลิ้นยังคงแตะที่กลางเพดานปาก อ้าปากค้างไว้ 5 วินาที
      3. หุบปากช้าๆ เข้าสู่ท่าพัก โดยที่ฟันบนล่างไม่แตะกัน ลิ้นและริมฝีปากผ่อนคลายพัก 5 วินาที
      4. ทำวันละ 5 รอบต่อวัน รอบละ 15 ครั้ง
    • กัดฟันบนยาง Occlusion trainer โดยค่อยเลื่อนๆ จากการกัดบนฟันกรามด้านขวาไปจนถึงด้านซ้าย
    • กัดบน Morning occlusal guide หลังถอด MAD ในตอนเช้าเพื่อช่วยให้ขากรรไกร และการสบฟัน กลับเข้าสู่ตำแหน่งเดิม
moring occlusal guide
  • ปวดกล้ามเนื้อ & เสียงผิดปกติที่ข้อต่อขากรรไกร
    • บริหารขากรรไกรล่างโดยออกแรงต้านนิ้วมือที่ออกแรงดันทั้งแนวดิ่งและแนวราบ
    • รักษาอาการแบบประคับประคอง เช่น ประคบอุ่น พักผ่อน การนวด และทานยาแก้ปวด
  • น้ำลายไหลมาก
    • เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายจะปรับตัวได้ดีขึ้น
  • ภาวะปากแห้ง
    • หลีกเลี่ยงอาหารหรือสิ่งที่ทำให้ปากแห้ง
    • ปรับเครื่องมือเพื่อให้ริมฝีปากปิดได้สนิทขึ้น

โปรแกรมและแพ็คเกจ

โปรแกรมตรวจสุขภาพ SML 12%

มอบของขวัญ แห่งความส […]

โปรแกรมตรวจสุขภาพ Healthy New Year! 2026

"มอบสุขภาพดี เป็นของ […]

พญ.เสาวนีย์ แสงอรุณ

พญ.เสาวนีย์ แสงอรุณ
กุมารแพทย์ทั่วไป

พญ.เสาวนีย์ แสงอรุณ

Saowanee Sangaroon.MD
Specialty
  • กุมารแพทย์ทั่วไป

Language Spoken
  • อังกฤษ, ไทย

ปริญญาบัตรและสถาบันการศึกษา
  • ปริญญาบัตร แพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 
  • วุฒิบัตรกุมารแพทย์  คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น 

ตารางออกตรวจ
วัน เวลา หมายเหตุ
MON 12:00 - 17:00
TUE 12:00 - 17:00
WED 07:00 - 16:00
THU 12:00 - 20:00
FRI 07:00 - 17:00
SAT 11:00 - 17:00 (เสาร์ที่ 2, 4)

แพคเกจ พักกายใจ พักโควิด

ward for covid

หมดห่วง : โควิด (ward for covid)

พักกาย พักใจ ป้องกันการแพร่เชื้อโควิด ให้คนที่คุณรัก
พักที่โรงพยาบาลบลางโพ

ward for covid

ให้บริการห้องพักรักษาผู้ป่วยโควิด สำหรับครอบครัวและคนที่คุณรักปลอดภัยและอุ่นใจ เลือกพักที่โรงพยาบาลบางโพ ด้วยมาตรฐานการให้บริการและวิชาชีพ และการรักษาของแพทย์และพยาบาลเจ้าหน้าที่
วันนี้ - 30 มิถุนายน 2568

>

โปรแกรมและแพ็คเกจ

พญ.นันทนัช หรูตระกูล

พญ.นันทนัช หรูตระกูล
ภูมิแพ้และภูมิคุ้มกัน, Pediatric allergist and immunologist

พญ.นันทนัช หรูตระกูล

Nuntanut Rutrakool
Specialty
  • กุมารแพทย์
  • โรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา

Language Spoken
  • อังกฤษ, ไทย

ปริญญาบัตรและสถาบันการศึกษา
  • ปริญญาบัตร (พบ.) แพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • วุฒิบัตร กุมารเวชศาสตร์ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
  • วุฒิบัตร อนุสาขากุมารเวชศาสตร์ โรคภูมิแพ้และอิมมูโนวิทยา ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

ตารางออกตรวจ
วัน เวลา
TUE 08:00 - 13:00
SAT 08:00 - 13:00

พญ.ปัทมา พรวรากรณ์

พญ.ปัทมา พรวรากรณ์
วิสัญญีแพทย์

พญ.ปัทมา พรวรากรณ์

Pattama Pornwaragorn
Specialty
  • วิสัญญีแพทย์

Language Spoken
  • อังกฤษ, ไทย

ปริญญาบัตรและสถาบันการศึกษา
  • ปริญญาบัตร (พบ.) แพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์ มหิดล  สถาบันพระบรมราชชนก
  • วิสัญญีวิทยา คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ตารางออกตรวจ
วัน เวลา
MON 06:00 - 18:00
TUE 06:00 - 18:00
THU 06:00 - 18:00
FRI 06:00 - 18:00

ผศ.ดร.นพ.พีรยุทธ เฟื่องฟุ้ง

ผศ.ดร.นพ.พีรยุทธ เฟื่องฟุ้ง
นิติเวชศาสตร์

ผศ.ดร.นพ. พีรยุทธ เฟื่องฟุ้ง

Assist. Prof. Dr. Peerayuht Phuangphung
Specialty
  • นิติเวชศาสตร์ Forensic Medicine

Language Spoken
  • อังกฤษ, ไทย

ปริญญาบัตรและสถาบันการศึกษา
  • ปริญญาบัตร  แพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (เกียรตินิยม) คณะแพทยศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล
  • ปริญญาบัตร ทางนิติศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช
  • ประกาศนียบัตรบัณฑิตชั้นสูง สาขาวิชาวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก (วิชาเอกนิติเวชศาสตร์)
  • วุฒิบัตร สาขานิติเวชศาสตร์  มหาวิทยาลัยมหิดล
    • Ph.D. (Toxicology) University of Glasgow, UK
      M.Sc. (Forensic Toxicology) (Distinction) University of Glasgow, UK

    ตารางออกตรวจ
    วัน เวลา หมายเหตุ
    MON 18:00 - 20:00

    นพ.ธีรเศรษฐ์ บัณฑุชัย

    นพ.ธีรเศรษฐ์ บัณฑุชัย
    ศัลยกรรมกระดูกและช้อ / เวชศาสตร์การกีฬา

    นพ.ธีรเศรษฐ์ บัณฑุชัย

    THEERASET BANTUCHAI, MD
    Specialty
    • ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ 
    • เวชศาสตร์การกีฬา และการผ่าตัดส่องกล้อง (Sport medicine)

    Language Spoken
    • อังกฤษ, ไทย

    ปริญญาบัตรและสถาบันการศึกษา
    • ปริญญาบัตร แพทยศาสตรบัณฑิต (พ.บ.) (เกียรตินิยมอันดับ 2) คณะแพทย์ศาสตร์  จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    • วุฒิบัตร สาขาออร์โธปิดิกส์ คณะแพทย์ศาสตร์  วิทยาลัยแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า 
    • อนุมัติบัตร สาขาเวชศาสตร์การกีฬา คณะแพทย์ศาสตร์  วิทยาลัยแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า
    ตารางออกตรวจ
    วัน เวลา
    MON 07:00 - 17:00
    TUE 07:00 - 12:00
    WED 07:00 - 15:00
    FRI 07:00 - 20:00
    SUN 12:00 - 16:00

    ภาพถ่ายรังสีพานอรามิกทางทันตกรรม

    ภาพถ่ายรังสีพานอรามิกทางทันตกรรม

    DENTAL PANORAMIC FILM
    ภาพถ่ายรังสีพานอรามิกทางทันตกรรม (Orthopantomogram / Dental Panoramic Film / OPG) คือภาพถ่ายรังสีชนิดนอกช่องปากชนิดหนึ่งที่สามารถแสดงให้เห็นภาพรวมของขากรรไกรบนและล่าง ฟันทุกซี่ โพรงไซนัส โพรงจมูก ข้อต่อขากรรไกร และกะโหลกศีรษะบางส่วนในภาพเดียวกัน ใช้เวลาในการถ่ายภาพรังสีน้อยมาก และไม่จำเป็นต้องใส่อุปกรณ์ใดๆ พิเศษ ทำให้เป็นการถ่ายภาพรังสีที่ไม่เจ็บและได้รายละเอียดที่เป็นประโยชน์หลายประการในการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาทางทันตกรรม
    ภาพถ่ายรังสีพานอรามิก จึงเป็นภาพถ่ายรังสีที่ทันตแพทย์นิยมใช้เพื่อคัดกรองรอยโรคต่างๆโดยเฉพาะกระดูกขากรรไกร โพรงไซนัส และฟัน รวมถึงมักถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งในการวินิจฉัย และวางแผนการรักษาทางทันตกรรมสาขาต่างๆได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะทันตกรรมจัดฟัน
    ประโยชน์ของภาพรังสีพานอรามิกที่มักถูกใช้ในทางทันตกรรม มีดังต่อไปนี้
    1. ใช้ในการวางแผนการรักษาทันตกรรมสาขาต่างๆ เช่น การวางแผนการจัดฟัน ใช้เพื่อการเตรียมช่องปากก่อนการทำฟันปลอม หรือการฝังรากฟันเทียม ใช้ประเมินสภาวะของกระดูกและเนื้อเยื่อปริทันต์ที่รองรับฟัน ในการวินิจฉัยโรคเหงือกและการรักษาทางทันตกรรมปริทันตวิทยา ใช้เพื่อระบุตำแหน่งฟันคุดหรือฟันฝัง รวมถึงความสัมพันธ์ของฟันเหล่านั้นกับโครงสร้างสำคัญข้างเคียง เช่นโพรงไซนัส หรือเส้นประสาทเพื่อวางแผนการผ่าตัดฟันคุด ฟันฝัง หรือการผ่าตัดบริเวณขากรรไกรและใบหน้าในงานทันตศัลยกรรม เป็นต้น
    2. ใช้ตรวจคัดกรองความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพที่ขากรรไกร ฟันทุกซี่ โพรงไซนัส โพรงจมูก ข้อต่อขากรรไกร และกะโหลกศีรษะบางส่วน เช่น การตรวจคัดกรองมะเร็ง เนื้องอก ถุงน้ำ บริเวณดังกล่าว การตรวจหารอยแตกร้าวของขากรรไกรจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
    3. ใช้ร่วมกับการตรวจทางคลินิก หรือภาพรังสีอื่นๆ เพื่อการวินิจฉัยโรคทางทันตกรรมที่แม่นยำ

    โรคตาแห้ง “โรคตายอดฮิตของคนหน้าคอมฯ”

    โรคตาแห้ง "โรคตายอดฮิตของคนหน้าคอมฯ"

    Dry eye
    โรคตาแห้ง "โรคตายอดฮิตของคนหน้าคอมฯ"
    จากสภาวะการใช้ชีวิตของคนทำงานยุคปัจจุบัน ที่ใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต มือถือ รวมถึงการใส่คอนแทคเลนส์ในการทำงานประจำวัน และต้องเจอสภาพอากาศแห้ง แปรเปลี่ยนไปมาอย่างรวดเร็ว ทั้งการปะทะลมหรือแสงแดดเป็นประจำ รวมถึงการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดผลกระทบจนเกิดอาการตาแห้ง
    สาเหตุของโรคตาแห้ง
    โรคตาแห้ง สามารถแบ่งสาเหตุได้ดังนี้ คือ
    1. การผลิตน้ำตาลดลง สาเหตุมาจากอายุที่มากขึ้น เกิดการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในร่างกายหรือภาวะความเจ็บป่วยบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้ที่ตา โรคโชเกร็น (Sjogren's syndrome) โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid arthritis) โรคลูปัส (Systemic Lupus Erythematosus: SLE) โรคของต่อมไทรอยด์ การขาดวิตามิน การใช้ยาบางประเภท เช่น ยาลดความดันโลหิต ยารักษาสิว ยาคุมกำเนิด ยารักษาโรคพาร์กินสัน หลังผ่าตัดดวงตา เช่น หลังการผ่าตัดต้อกระจก หรือหลังทำ เลสิก การใส่คอนแทคเลนส์เป็นเวลานาน หรือเคยทำเลสิก
    2. น้ำตาเกิดการระเหยไว จากต่อมไขมันที่เปลือกตาทำงานผิดปกติ(Meibomian gland dysfunction: MGD)โดยปกติต่อมไมโบเมียนจะทำหน้าที่สร้างน้ำตาชั้นไขมัน ทำให้น้ำตาระเหยได้ช้า หากต่อมนี้ทำงานผิดปกติ จะทำให้น้ำตาระเหยไวขึ้น จะเกิดภาวะตาแห้งในที่สุด รวมถึงการใช้สายตาระยะใกล้ ทั้งทำงานนั่งจอคอมพิวเตอร์เวลานานหรือการอ่านหนังสือต่อเนื่อง
    3. ปัจจัยภายในตัวบุคคล เช่น

      • เพศ โดยพบว่าเพศหญิงเป็นมากกว่าเพศชาย
      • อายุ ที่พบว่าเมื่อเข้าสู่อายุ 65 ปีขึ้นไป มีอัตราการเกิดโรคตาแห้งสูงกว่าวัยอื่น
    อาการ
    ผู้ป่วยจะรู้สึกระคายเคืองตา เหมือนมีเศษผงอยู่ในดวงตา แสบตาง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีลมพัดเข้าสู่ดวงตา หรือเมื่ออยู่ในห้องแอร์ จะรู้สึกได้ว่า ดวงตาแห้งอยู่ตลอด
    วิธีป้องกันโรคตาแห้ง
    สำหรับคนที่ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ ควรพักสายตาทุก 1-2 ชั่วโมง พักประมาณ 5 นาที โดยการหลับตาหรือมองไปที่ไกลๆ เพิ่มเติมด้วยการติดแผ่นกรองแสงที่หน้าจอ หรือสวมแว่นตา ที่ช่วยลดแสงสีฟ้า ช่วยถนอมสายตา
    การตรวจวิเคราะห์
    1. แพทย์จะตรวจวัดปริมาณน้ำตาโดยการตรวจ Tear Meniscus ตรวจลักษณะขอบเปลือกตา และต่อมมัยโบเมียน (Meibomian gland) เพื่อการวัดความเข้มข้นของสารที่อยู่ในน้ำตา
    2. การค้นหาสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของโรค เพื่อการควบคุมอาการของโรคทำให้การรักษาประสบความสำเร็จสูงขึ้นได้ เช่น

      • พักสายตาเป็นช่วงๆ โดยหลับตา 1-2 นาที หรือกระพริบตาถี่ๆ เพื่อช่วยกระจายน้ำตาให้เคลือบทั่วดวงตา
      • หยอดน้ำตาเทียมเป็นประจำ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา หลีกเลี่ยงการโดนลมแรงๆ ปะทะดวงตาโดยตรง เช่น ลมจากพัดลม เครื่องปรับอากาศ ที่เป่าผม ควรสวมแว่นกันแดดหรือแว่นที่ครอบดวงตา
      • หากต้องอยู่ในบริเวณที่มีอากาศแห้ง ควรหลับตาเป็นพักๆ เพื่อลดการระเหยของน้ำตา
      • ดื่มน้ำให้มาก รับประทานอาหารที่มีปริมาณวิตามินเอสูง เช่น น้ำมันตับปลา เครื่องในสัตว์ ไข่แดง แครอท บรอคโคลี่ ฟักทอง หรือกรดไขมันโอเมก้า3สูง เช่น ปลาทะเลน้ำลึก เมล็ดแฟลกซ์ วอลนัท น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำข้าว เพื่อช่วยดูแลและบำรุงสายตา
    การรักษา
    1. แพทย์จะช่วยให้คำปรึกษา ปรับพฤติกรรมการใช้สายตาให้เหมาะสม ร่วมกับการใช้น้ำตาเทียมหยอดตา
    2. ใช้แว่นกอกเกิลส์ เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำตาร่วมด้วย โดยเฉพาะในผู้ที่อยู่กับลมแรง เช่น คนที่ทำงานขับขี่มอเตอร์ไซด์
    3. หากรู้สึกมีความผิดปกติที่ตา มีอาการแสบตา ตาแห้ง รู้สึกไม่สบายตา น้ำตาไหล ระคายเคืองตา มีเมือกในตา หรือตาพร่ามัว ให้สงสัยว่าอาจมีภาวะตาแห้ง แนะนำให้ลองปฏิบัติตัวตามคำแนะนำเบื้องต้น
    4. หากมีอาการที่รุนแรงแนะนำให้พบจักษุแพทย์ เพื่อเข้ารับการรักษาและการตรวจวินิจฉัยอย่างปลอดภัย